Page 517 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 517
ครอบครองและทําประโยชน์ในที่ดินมาก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับไม่ได้ ถ้าบุคคลดังกล่าวมิได้
แจ้งการครอบครองตามมาตรา 5 หรือมิได้แจ้งความประสงค์จะได้สิทธิในที่ดิน ตามมาตรา 27 ตรี ก่อน
มีการกําหนดเป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ( เวียนตามหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท 0625/ว 11610 ลงวันที่ 27
เมษายน 2537 )
6.6 เรื่องเสร็จที่ 206/2538 บันทึก เรื่อง ผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดินตามพระราชบัญญัติ
การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518
คณะกรรมการกฤษฎีกา (ที่ประชุมใหญ่กรรมการร่างกฎหมาย) ได้พิจารณาในประเด็น
เกี่ยวกับ มาตรา 30 พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2532 มีความเห็นว่า เกษตรกรตาม
พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 มี 2 ประเภท คือ
1. ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักและไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเอง
หรือมีที่ดินเล็กน้อยไม่เพียงพอแก่การครองชีพ และ
2. ผู้ที่ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมแต่ไม่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเป็นของตนเอง
และเป็นผู้ยากจนหรือมิใช่ผู้ที่มีอาชีพอื่นอันมีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ
สําหรับเกษตรกรที่จะมีสิทธิได้รับการจัดที่ดิน นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กล่าวมาแล้ว
ยังต้องเป็นไปตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัตินี้ ที่กําหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และ
เงื่อนไขที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกําหนด ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ออกระเบียบฯ โดย
กําหนดให้เกษตรกรที่จะมีสิทธิได้รับการจัดที่ดินจะต้องไม่มีที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมเป็นของ
ตนเองหรือของบุคคลในครอบครัวเดียวกันหรือมีที่ดินเพียงเล็กน้อยไม่เพียงพอแก่การประกอบ
เกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงชีพ
ส่วนกรณีเกษตรกรที่จะได้รับการจัดที่ดินตามวรรคสามนั้น คือ เกษตรกรผู้ได้รับการคัดเลือก
ให้ได้รับที่ดินในการจัดที่ดินตามมาตรา 30 วรรคหนึ่ง เพียงแต่เป็นกรณีที่ผู้นั้นได้ถือครองที่ดินของรัฐ
อยู่แล้วเกิน 50 ไร่ ด้วยเหตุนี้ เกษตรกรที่จะได้รับการจัดที่ดินตามวรรคหนึ่งและวรรคสามจะต้องมี
คุณสมบัติเช่นเดียวกัน และแม้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะมีอํานาจในการตีความและ
วินิจฉัยระเบียบของตนได้ แต่หากการตีความนั้นขัดต่อบทกฎหมาย ผลของการตีความนั้นก็เป็นเรื่องที่
ไม่ถูกต้องตามกฎหมายไม่สามารถนํามาใช้บังคับและต้องดําเนินการใหม่ให้ถูกต้องต่อไป
ส่วนการจัดที่ดินตามมาตรา 30 วรรคห้า เป็นการจัดที่ดินเพื่อใช้สําหรับกิจการอื่นที่เป็นการ
สนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดิน มิใช่การจัดให้เพื่อประกอบเกษตรกรรม ซึ่งที่ดินที่จะนํามา
จัดต้องมีจํานวนไม่เกินห้าสิบไร่ โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตหรือการให้ผู้ได้รับ
อนุญาตถือปฏิบัตินั้นต้องเป็นไปตามที่คณะกรรมการกําหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ด้วย
เหตุนี้ การจัดที่ดินตามวรรคห้านี้จึงสามารถจัดให้แก่บุคคลใดๆ ก็ได้ มิได้จํากัดเฉพาะเกษตรกร และ
หากปรากฏว่าผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินจากรัฐขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย จะถือว่าการจัดที่ดินดังกล่าว
8‐82