Page 518 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 518
่
เป็นการฝาฝืนต่อกฎหมายและนิติกรรมทางปกครองที่เกี่ยวข้องก็เป็นการออกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้
ที่มีอํานาจทํานิติกรรมทางปกครองในเรื่องใดย่อมมีอํานาจที่จะแก้ไขหรือยกเลิกเพิกถอนนิติกรรมทาง
ปกครองนั้นได้ ดังนั้นผู้มีอํานาจออกเอกสาร ส.ป.ก.4-01 จึงมีอํานาจเพิกถอนเอกสารนั้นได้เพราะผู้รับ
ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะได้รับเอกสารนั้น
6.7 เรื่องเสร็จที่ 214/2538 บันทึกเรื่อง การกําหนดเขตปฏิรูปที่ดินที่จะมีผลเป็นการเพิก
ถอนป่าสงวนแห่งชาติ
คณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 6) เห็นว่า การดําเนินการเกี่ยวกับการ
กําหนดเขตปฏิรูปที่ดิน นั้น บทบัญญัติมาตรา 26 (1) (4) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อ
เกษตรกรรม พ.ศ. 2518 กําหนดขั้นตอนการดําเนินการไว้ว่า เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ดําเนินการ
่
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในที่ดินเขตปาสงวนแห่งชาติส่วนใดแล้ว ส.ป.ก. จึงจะดําเนินการตราพระ
ราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินใช้บังคับในท้องที่นั้น เพื่อนําที่ดินแปลงใดในส่วนนั้นไปดําเนินการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและบทบัญญัติมาตรา 26 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติ
ว่า เพื่อประโยชน์ในการดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามมาตรา 26 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่
ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม
่
่
พระราชบัญญัติปาสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และมีอํานาจในการให้เช่าที่ดินอันเป็นปาสงวนแห่งชาติ
ดังกล่าวได้ และให้ค่าเช่าที่ได้มาตกเป็นของกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ประกอบกับ
มาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 ก็บัญญัติว่า การกําหนด
เขตที่ดินให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกาโดยให้กําหนดเฉพาะที่ดินที่จะดําเนินการ
ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมซึ่งเมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินใช้บังคับแล้ว
มาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตร กรรม พ.ศ. 2518 บัญญัติให้พนักงาน
ั
เจ้าหน้าที่มีอํานาจเข้าไปสํารวจรังวัด ปกหลัก หรือขุดร่องแนวและดําเนินการอื่นๆ เพื่อให้บรรลุตาม
วัตถุประสงค์ของการปฏิรูปที่ดินได้ จากบทบัญญัติดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เมื่อมีการประกาศใช้บังคับพระ
ราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินแล้ว พระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินเป็นเพียงการกําหนด
่
ขอบเขตของที่ดินที่จะทําการปฏิรูปที่ดินเท่านั้น ไม่ได้มีผลเป็นการเพิกถอนปาสงวนแห่งชาติ
่
่
ทันที พื้นที่ปาสงวนแห่งชาติยังคงเป็นพื้นที่ปาสงวนแห่งชาติอยู่เช่นเดิม เพียงแต่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่
่
จะดําเนินการตามพระราชบัญญัติปาสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 นั้น กฎหมายกําหนดให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 เป็นผู้ดําเนินการแทน
่
พนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยปาสงวนแห่งชาติ และ ส.ป.ก. มีหน้าที่ที่จะต้องกันพื้นที่ที่ใช้ใน
่
่
กิจกรรมของกรมปาไม้ตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ส่งคืนให้แก่กรมปาไม้ตามมติคณะรัฐมนตรีใน
เรื่องนี้ต่อไป สําหรับความหมายของความว่า "...เมื่อ ส.ป.ก. จะนําที่ดินแปลงใดในส่วนนั้นไป
ดําเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม..." มีความหมายเพียงว่า เมื่อ ส.ป.ก. มีความพร้อมที่จะนําที่ดิน
แปลงใดในเขตที่ประกาศในพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินไปดําเนินการปฏิรูปที่ดินแน่นอน
8‐83