Page 140 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 140
่
ดังนั้น แม้บทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการปาไม้ จะมิได้เอื้ออํานวยต่อการใช้สิทธิของ
ชุมชนอย่างเพียงพอและยั่งยืนและทําให้รัฐมีทัศนคติที่ไม่ถือเป็น “หน้าที่ตามกฎหมาย” ที่ต้องรับรอง
และคุ้มครองสิทธิชุมชนอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียมกับหน้าที่ในการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติใน
ฐานะสมบัติของรัฐ แต่หากพิจารณาตามบทบัญญัติมาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ.2550 ก็ถือได้ว่า รัฐธรรมนูญได้กําหนดให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องถือเป็นหน้าที่โดยทันทีนับตั้งแต่
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มีผลบังคับใช้ในการรับรองและคุ้มครองสิทธิชุมชนทั้งใน
การใช้และการตีความกฎหมาย และเจ้าหน้าที่รัฐก็มิอาจปฏิเสธหน้าที่ในการรับรองและคุ้มครองสิทธิ
ชุมชนได้ เพราะหน้าที่ดังกล่าวนั้นได้ถูกกําหนดไว้อย่างชัดแจ้งในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ.2550 อันเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐ
5.6 สรุปและข้อเสนอแนะ
้
่
เพื่อปองกันหรือลดการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินปาไม้ จึงมีข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุง
่
แก้ไขนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับที่ดินปาไม้ดังนี้
นโยบายป่าไม้แห่งชาติ
่
สาระสําคัญของนโยบายปาไม้แห่งชาติ ซึ่งกําหนดไว้ 20 ข้อ มีประเด็นการละเมิดสิทธิ
่
เสรีภาพของประชาชน เกี่ยวกับการกําหนดพื้นที่ปาในข้อ 4 การกําหนดพื้นที่ความลาดชันโดยเฉลี่ย
่
35 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไปไว้เป็นพื้นที่ปาไม้ในข้อ 17
่
ประเด็นการกําหนดให้มีพื้นที่ปาไม้อย่างน้อยร้อยละ 40 ของพื้นที่ประเทศ เพื่อประโยชน์ 2
่
ั
่
ประการ คือ ปาเพื่อการอนุรักษ์ร้อยละ 15 และปาเพื่อเศรษฐกิจร้อยละ 25 ประเด็นนี้มีปญหาเพราะ
้
่ ั
เจ้าหน้าที่มักอ้างพื้นที่ปาปจจุบันยังไม่ครบเปาหมายจึงประกาศเขตปาเพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งใน
ั
่
่
จํานวนนั้นไม่ได้มีสภาพเป็นปาแล้ว และในทางปฏิบัติกลับตรงกันข้าม ปจจุบันรัฐประกาศพื้นที่ปาเพื่อ
การอนุรักษ์เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 25 ทั้ง ๆ ที่พื้นที่ราวครึ่งหนึ่งของพื้นที่ประกาศเป็นพื้นที่ที่ชุมชนใช้
่
ประโยชน์ทั้งเป็นที่อยู่อาศัย ที่ทํากิน ที่สาธารณะ และที่ปาใช้สอยของชุมชน จึงควรทบทวนการ
่
้
กําหนดพื้นที่เปาหมายปาไม้ของชาติเสียใหม่ให้สอดคล้องกับบริบททางสังคม โดยกระบวนการที่มี
่
ชุมชนเป็นฐาน สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนในการกําหนดเขตปาประเภทต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน
่
ตําบล ขึ้นมาถึงจังหวัดและกลุ่มพื้นที่ตามสภาพภูมินิเวศ แนวทางนี้อาจจะทําให้พื้นที่ปาของประเทศ
่
้
เกินเปาหมายร้อยละ 40 ก็ได้ แต่ที่สําคัญคือจะทําให้การกําหนดเขตปาในแต่ละท้องถิ่นสอดคล้องกับ
สภาพภูมินิเวศและระบบสังคมและเศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้น ๆ
่
ประเด็นการกําหนดพื้นที่ลาดชันโดยเฉลี่ย 35 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นไปไว้เป็นพื้นที่ปาไม้ โดยไม่
่
อนุญาตให้มีการออกโฉนด หรือ น.ส.3 ตามนโยบายปาไม้ข้อ 17 เห็นว่าไม่สอดคล้องกับบริบททาง
สังคม โดยเฉพาะในบางพื้นที่เช่นจังหวัดเชียงใหม่ น่าน แม่ฮ่องสอน หรือในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งภูมิ
ประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีชุมชนอาศัยทํากินอยู่มานาน มีระบบการใช้ที่ดินที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับ
่
ระบบนิเวศเช่นระบบไร่หมุนเวียนในภาคเหนือ ระบบปายาง สวนสมรม และสวนดุซงในภาคใต้ ระบบ
เกษตรผสมผสานกับการเลี้ยงสัตว์ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในทางปฏิบัติจึงไม่
่
สามารถกําหนดพื้นที่ลาดชันโดยเฉลี่ย 35 เปอร์เซ็นต์เป็นพื้นที่ปาได้ทุกพื้นที่แบบเหมารวม ต้อง
5‐68