Page 142 - รายงานผลการศึกษาวิจัย ฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 142
่
ั
2. ปรับหลักคิดกฎหมาย เพื่อให้กฎหมายปาไม้ใหม่ทันสมัยเป็นปจจุบัน จึงควรปรับเปลี่ยน
่
หลักคิดของกฎหมายปาไม้จากหลักการใช้อํานาจควบคุมบังคับห้าม/ให้ทําสิ่งต่าง ๆ มาเป็นหลักคิด
่
ทางการส่งเสริมสนับสนุนหรือกระตุ้นจูงใจให้ราษฎรเห็นคุณค่าความสําคัญของที่ดินและปา และ
้
่
ร่วมมือกันสร้างกฎกติกาและขับเคลื่อนการทํางานเพื่อปกปองคุ้มครองที่ดินปาไม้และทรัพยากรให้มี
ความสมบูรณ์และเกิดประโยชน์แก่สังคม
3. การออกแบบโครงสร้างอํานาจในกฎหมายแบบมีส่วนร่วมในแนวราบมากขึ้น เสนอ
่
ให้เน้นการมีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝายแบบพหุภาคี (Multi - stakeholders participation) มีการ
่
กําหนดบทบาทและอํานาจหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องไว้ในกฎหมายปาไม้ให้ชัดเจน ทั้งกลุ่มองค์กร
ประชาชน องค์กรชุมชน องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนหน่วยงานรัฐด้านอื่น ๆ ในท้องถิ่นที่มี
่
บทบาทสําคัญในการดูแลรักษาและใช้ประโยชน์ปาตามหลักการพหุภาคี โดยควรจัดตั้งเป็นรูป
คณะทํางานหรือคณะกรรมการทุก ๆ พื้นที่ และจัดทําแผนยุทธศาสตร์ความร่วมมือเพื่อนําไปสู่การ
ทํางานร่วมกัน
4. ปรับโครงสร้างอํานาจและกลไกการตัดสินใจในการบริหารจัดการที่ดินป่าไม้ ควร
ปรับจากโครงสร้างจากบนตั้งแต่รัฐมนตรี อธิบดี ลงสู่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติข้างล่าง มาเป็นกลไกแบบพหุ
ภาคีตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ โดยให้มีการเปิดเผยข้อมูลและข่าวสารให้ประชาชนรับรู้อย่าง
่
ทั่วถึง และควรกําหนดให้มีกลไกการเจรจาต่อรองและคลี่คลายข้อพิพาทขัดแย้งด้านที่ดินปาไม้ใน
่
ท้องถิ่นไว้ในกฎหมายปาไม้ เพื่อเปิดโอกาสให้ราษฎรและเจ้าหน้าที่ของรัฐตลอดจนองค์การปกครอง
ั
ส่วนท้องถิ่นได้ทํางานจัดการปญหาร่วมกันให้ถึงที่สุด
่
5. ปรับปรุงวิธีการกําหนดป่าเป็นพื้นที่อนุรักษ์ ทั้งในรูปแบบปาอุทยาน เขตรักษาพันธุ์
่
่
สัตว์ปา หรือพื้นที่ปาไม้ถาวรรูปแบบใด ๆ ก็ตาม ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องทั้งทางระบบนิเวศตาม
หลักเกณฑ์วิชาการที่เป็นสากลและสภาพทางสังคมวัฒนธรรมในพื้นที่นั้น ๆ การกําหนดเขตพื้นที่
อนุรักษ์ทับพื้นที่อาศัยทํากินของทั้งชุมชนและเป็นสาเหตุให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน จึงเป็นความ
ผิดพลาดที่จําเป็นจะต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน ที่ดินที่ตรวจสอบพิสูจน์แล้วว่ามีสิทธิมาก่อนการประกาศ
่
หรือเป็นชุมชนไปแล้ว ต้องเร่งรัดเพิกถอนสภาพปาโดยเร็วและนําแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้าไป
่
่
่
พัฒนาให้เป็นพื้นที่กันชนปาอนุรักษ์ และการเพิกถอนพื้นที่ไม่เหมาะสมเป็นปาอนุรักษ์ออกจากเขตปา
่
อนุรักษ์ตามกฎหมาย และในกระบวนการตัดสินใจเชิงเทคนิคเช่นการจัดทําแนวเขตปา การพิสูจน์สิทธิ
ควรปรับเปลี่ยนอํานาจหน้าที่และกลไกการตัดสินใจที่เคยเป็นของกรรมการระดับชาติซึ่งไม่มีความรู้
ั
ความเข้าใจในบริบทและปญหาในพื้นที่มาทําหน้าที่ในการกํากับนโยบายและทิศทางการทํางาน และ
สร้างและพัฒนากลไกการทํางานแบบมีส่วนร่วมของไตรภาคีประจําทุกพื้นที่คือองค์กรชุมชน องค์การ
ปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐร่วมกันตัดสินใจ
่
่
6. การประกาศ/ขยายเขตป่า การประกาศ/ขยายปา พ.ร.บ.ปาสงวนแห่งชาติ มาตรา 6 และ
่
7 อาศัยอํานาจรัฐมนตรีออกกฎกระทรวง ส่วนปาอนุรักษ์ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ มาตรา 6 และ 7
่
พ.ร.บ.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ปา มาตรา 33 และ 34 ให้อํานาจคณะรัฐมนตรีออกพระราชกฤษฎีกา
่
ั
ประกาศ/ขยาย/เพิกถอนเขตปา ซึ่งในทางปฏิบัติมีปญหาหลายประการ เช่น
5‐70