Page 187 - ศัพท์สิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 187
บุคคลที่ถูกคุมขังตัวก่อนการพิจารณายังไม่ใช่ผู้กระทำาผิด ดังนั้นจึงปฏิบัติ
ต่อบุคคลที่ถูกควบคุมตัวเสมือนนักโทษมิได้ และการคุมขังจะต้องแยก
จากนักโทษที่ถูกพิพากษาความผิดแล้ว ปกติในการคุมขังก่อนการพิจารณา
ผู้ต้องหาจะถูกควบคุมตัวในห้องขังของเจ้าพนักงานตำารวจ ซึ่งอาจเป็น
สถานีตำารวจ หรือศูนย์ควบคุมตัวก่อนการพิจารณาที่จัดตั้งขึ้นเป็นการเฉพาะ
วัตถุประสงค์ของการคุมขังบุคคลในขั้นตอนนี้มีขึ้นเพื่อการสอบสวนผู้กระทำาผิด
และเพื่อทำาให้มั่นใจว่าในการฟ้องจะมีตัวจำาเลยปรากฏต่อศาล
การคุมขังระหว่างรอการพิจารณามีขึ้นเนื่องจากผู้ต้องหาว่ากระทำา
ความผิดอาญาไม่สามารถหาหลักประกันเพื่อประกันตัวในการปล่อยตัวชั่วคราว
หรือเป็นผู้ที่ศาลเห็นว่าไม่สมควรให้ประกันตัว (ดู RELEASE ON BAIL)
ระยะเวลาในการคุมขังจะต้องให้สั้นที่สุดซึ่งมักกำาหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
หรือกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้นเพื่อป้องกันฝ่ายบริหารควบคุม /
คุมขังบุคคลโดยมิชอบ หรือโดยไม่มีเหตุอันควร กฎหมายจึงมักกำาหนด
ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาเหตุผลของฝ่ายบริหารในการขยายระยะเวลา
การคุมขังตัวบุคคล
ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของไทยกำาหนดให้เจ้าพนักงาน
สอบสวนมีอำานาจคุมขังผู้ต้องหาไว้เพื่อการสอบสวนคดีได้ไม่เกินกว่าสี่สิบแปด
ชั่วโมง นับแต่เวลาที่มาถึงสถานีตำารวจ ในกรณีที่มีเหตุจำาเป็นเพื่อทำาการสอบสวน
หรือเหตุจำาเป็นอย่างอื่น จะยืดระยะเวลาได้ไม่เกินสี่สิบแปดชั่วโมง (เท่าที่
จำาเป็น) แต่รวมกันแล้วต้องไม่ให้เกินสามวัน
ถ้ามีความจำาเป็นที่จะควบคุมผู้ถูกจับเกินกว่าสามวัน เพื่อให้การสอบสวน
เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนหรืออัยการ ต้องยื่นคำาร้องขอฝากขังต่อศาล
ศาลอาจเรียกพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนมาชี้แจงเหตุจำาเป็น
หรืออาจเรียกพยานหลักฐานมาเพื่อประกอบการพิจารณาก็ได้ โดยใช้อัตรา
โทษคดีที่ถูกกล่าวหาเป็นเกณฑ์กำาหนดระยะเวลาคุมขัง ดังนี้
• ความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำาคุกอย่างสูงไม่เกินหกเดือน ศาลมี
อำานาจสั่งขังได้ครั้งเดียว มีกำาหนดไม่เกินเจ็ดวัน
• ความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำาคุกอย่างสูงเกินกว่าหกเดือน
แต่ไม่ถึงสิบปี ศาลมีอำานาจสั่งขังหลายครั้งติด ๆ กันได้
176