Page 85 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 85

84       แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน


                   ความนิยมงานเขียนแนวผจญไพร

                       เรื่องเกี่ยวกับป่าได้รับความนิยมมากขึ้นเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของสังคมสมัยใหม่ อาทิ การทํา

                สัมปทานป่าไม้ การสํารวจเปิดป่าเพื่อหักร้างถางพงรับความเจริญสมัยใหม่ รวมทั้งการลงทุนจากต่างชาติไม่ว่า
                จะเป็นรูปของการทําถนน การตัดไม้เพื่อการก่อสร้าง การทําเหมือง ตลอดจนเป็นผลจากความนิยมการล่า

                สัตว์เพื่อความบันเทิงใจอันเป็นกิจกรรมแบบใหม่ของคนเมือง

                       งานเขียนเรื่อง “นิยมไพร” เกิดขึ้นเมื่อมีความนิยมเข้าป่าล่าสัตว์ในหมู่ชนชั้นกลาง เนื่องด้วยหลัง

                สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีรถกําลังแรงและอาวุธทันสมัยจากต่างประเทศเข้ามามาก  ทําให้เกิดการเข้าป่าล่า
                สัตว์กันในหมู่ชนชั้นสูงและชนชั้นกลาง นอกจากนี้การเริ่มเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ก็ทําให้เกิดการสร้างสาธารณูปโภค

                อาทิ เขื่อน และถนนตัดเข้าไปในป่าเขา ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดการเปิดป่า เกิดความสะดวกสบายในการ
                เดินทางมากขึ้น การล่าสัตว์ที่เป็นกีฬาและการพักผ่อนของชนชั้นสูงมานานต่อมาก็ได้กลายเป็นวิธีการพักผ่อน

                ของชนชั้นกลางด้วยดังที่มาลัย ชูพินิจได้เขียนไว้ในสารคดี ทุ่งโล่งและดงทึบ (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. 2495) ว่า

                       ชาวเขาชาวป่าจะไม่ฆ่าสัตว์เพื่ออะไร นอกจากเนื้อที่จะเสพเข้าไป สําหรับเขา การล่าสัตว์มิได้เป็น
                       ความภูมิใจหรือตื่นเต้นจนนิดเดียว นอกจากกิจวัตรอันน่าเบื่อหน่ายประจําวัน แต่สําหรับเราๆ

                       ท่านๆ ผู้เท้าอ่อน หนังบาง หมกมุ่นอยู่กับงานโต๊ะ กวางหรือสัตว์ป่าอย่างเดียวกันนั้นเองหมายถึง
                       ความภาคภูมิใจไปชั่วชีวิต (น้อย อินทนนท์, 2546: 26)

                       ในกรณีของมาลัย ชูพินิจการเข้าป่ากับคณะเป็นกิจกรรมที่ทําปีละหลายครั้งเพื่อเป็นการพักผ่อนและ

                หาวัตถุดิบในการเขียน (น้อย อินทนนท์, 2546: 9) และในคํานําที่เขียนให้แก่หนังสือเรื่อง ป่าและปืน ของชาลี
                เอี่ยมกระสินธุ์ มาลัย ชูพินิจเขียนให้เหตุผลของการเข้าป่าไปอยู่อย่างลําบากว่าเป็นการ

                       ออกไปสู่ความวิเวกวังเวงและเปลี่ยวดายของป่าดงซึ่งท่านจะต้องเป็นผู้ชายที่รู้จักในการช่วยตัวเอง

                       ในการหุงหาอาหาร ในการเผชิญกับความยากลําบาก นั่นแหละ คือการเผชิญภัย นั่นแหละคือ
                       ความหมายของการออกป่า ไม่ว่าจะมีการล่าสัตว์หรือไม่มีการล่าสัตว์ และนั่นแหละคือความสุขที่
                       ข้าพเจ้าหมาย เพราะเราได้เป็นตัวของตัวเองอย่างลุ่นๆ ตามธรรมชาติ ปราศจากการปรุงแต่ง

                       ปราศจากความกังวลจากขนบประเพณีและพันธะที่มนุษย์สร้างขึ้นผูกมัดตัวเอง (ชาลี เอี่ยมกระสินธุ์,
                       2516: ข)

                       เขาได้กล่าวต่อไปว่าการล่าสัตว์นั้นแม้จะมีอาวุธที่ร้ายแรงก็ไม่เพียงพอ ต้องมีความรู้ในวิธีการล่าสัตว์

                ที่ถูกต้อง ความรู้ในนิสัยสัตว์ การพิจารณาร่องรอยที่สัตว์ทิ้งไว้ ขวัญและกําลังใจที่มั่นคง และความแม่นยําใน
                การยิง (ชาลี เอี่ยมกระสินธุ์, 2516: จ) ข้อความข้างต้นแสดงว่าการดํารงชีวิตอย่างลําบากในป่า การสร้างอํานาจ
   80   81   82   83   84   85   86   87   88   89   90