Page 215 - แด่ศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน : วรรณกรรมกับสิทธิมนุษยชนศึกษา
P. 215

214      แดศักดิ์ศรีเสมอกันทุกชั้นชน



                       เย็นฉ่ําราดรดจนเปียกชื้น พลันพื้นดินก็ส่งกลิ่นหอมกรุ่น อบอวลไปทั่วผืนป่ากว้าง กลิ่นดินได้ฝนใหม่
                       หอมหวนชวนให้สดชื่น อากาศที่ร้อนแล้งมาตลอดทั้งวัน กลับกลายเย็นฉ่ําอย่างรวดเร็ว”
                                                                              (หอมกลิ่นป่า, 2542:146-147)


                        การบรรยายฉากโดยทําให้ผู้อ่านเล็งเห็นความงดงามและอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าถ้าอ่านตามมโนทัศน์
                วรรณกรรมวิจารณ์เชิงนิเวศที่อธิบายว่า ภาพธรรมชาติที่สวยงามสะท้อนสํานึกเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกับ

                ธรรมชาติ เพราะมนุษย์มิได้รู้สึกแปลกแยกจากธรรมชาติ ธรรมชาติจึงไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว แต่เป็นความงาม ทัศนะ
                เช่นนี้ทําให้นักประพันธ์บรรยายฉากในธรรมชาติออกมาเป็นภาพด้านดี นอกจากภาพธรรมชาติที่สวยงามจะ

                สะท้อนทัศนะความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ นอกจากนี้ภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ยังได้สะท้อนทัศนะที่ว่า
                ธรรมชาติคือผู้ก่อกําเนิดอีกด้วย เช่น


                               “เมื่อหมดฝนสายลมสายลมเย็นก็เริ่มโชยลงมา ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มออกดอกชูช่อเพิ่มสีสัน
                       ก่อนที่จะติดลูกพราวไปทั้งป่า สรรพสัตว์เริงร่ากู่ร้องหาคู่ผสมพันธุ์ พรานเนียนกับเมียสาวปลูก

                       กระท่อมหลังใหม่อยู่ วันที่ว่างจากงานไร่ก็พากันออกเที่ยวป่าหาเก็บเห็ด เก็บผักป่า ทั้งหน่อไม้และ
                       ลูกไม้ โดยไม่เบียดเบียนชีวิตสัตว์ พรานเนียนรู้ซึ้งถึงความสงบสวยงามและอ่อนโยนของป่า”
                                                                                  (หอมกลิ่นป่า, 2542: 190)

                       การบรรยายฉากในวรรณกรรมของวัธนาจึงเป็นกลวิธีที่ช่วยย้ําแนวคิดหลักได้ด้วย นอกจากนี้ฉากในป่า
                ยังส่งผลสืบเนื่องไปถึงภาพวิถีชีวิตของชุมชน/คนในป่า เช่น

                               “ตรงที่ลําธารสองสายไหลมารวมกัน พื้นลําธารยามแล้งเป็นแนวหาดรายกว้างราวกับ
                       ทะเล แต่หน้าน้ําสายน้ําจะตีเกลียวลงมาจากหุบเขา บางครั้งก็ไหลเอ่อท้นท่วมทําลายสองฝั่งจนมิด
                       จากที่มีน้ําท่วมเกือบทุกปี ท่วมทีไรสายน้ําก็พัดพาดินโคลนและปุ๋ยธรรมชาติมาเติมให้กับพื้นดิน จึง

                       ทําให้ดินแดนแถบนี้อุดมสมบูรณ์ เพาะปลูกพืชพันธุ์อะไรก็ขึ้นงอกงาม สบหาดคือชื่อหมู่บ้านริมลํา
                       น้ํานี้ หมู่บ้านที่มีอยู่หลายสิบหลังคาเรือน ส่วนมากมีอาชีพเกษตรกรรม เพาะปลูกพืชผักหอม
                       กระเทียม ยาสูบและผลไม้ น้ําท่าอุดมดินดี ชาวบ้านจึงมีสภาพความเป็นอยู่ไม่สู้จะขัดสน”

                                                                                 (หอมกลิ่นป่า, 2542: 151)

                       วัธนา บุญยังสามารถวาดภาพแทนของป่าด้วยตัวหนังสือได้อย่างน่าประทับใจ ขณะเดียวกันก็สามารถ

                ฉายภาพชุมชนที่อาศัยพึ่งพาธรรมชาติ แต่หายนะที่จะเกิดกับป่าเป็นเพราะอุตสาหรรมการค้าไม้ ซึ่งมีต่อสัตว์
                ป่า แหล่งน้ําและชุมชนในที่สุด เห็นได้ว่าวรรณกรรมของวัธนามุ่งสร้างองค์ความรู้ที่จะทําให้เข้าใจวิถีของ

                ธรรมชาติ สะท้อนให้เข้าใจถึงห่วงโซ่แห่งความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติ ป่า คนตามแนวทางมโนทัศน์
                วรรณกรรมวิจารณ์เชิงนิเวศ
   210   211   212   213   214   215   216   217   218   219   220