Page 260 - ภาษาเพศในสังคมไทย : อำนาจ สิทธิและสุขภาวะทางเพศ
P. 260

บทสงทาย  245

                               แบบใดแบบหนึ่งวาเปนอยางไรเทานั้น แตยังไดสะทอนใหเห็นถึงภูมิหลัง
                               ทางดานเพศภาวะ วัย อายุ ชนชั้น การศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจ และพื้นเพ
                               ของผูใชคํานั้น รวมทั้งบอกถึงบรรทัดฐาน คานิยม ระบบความคิด ความเชื่อ
                               เกี่ยวกับเรื่องเพศในสังคม และวัฒนธรรมที่ใชภาษานั้นๆ ไปในเวลาเดียวกันดวย

                                     นอกจากนี้ภาษาที่ใชในการสื่อสารความหมายในเรื่องเพศยังมีหลาย
                               ระดับ ตั้งแตภาษาแบบชาวบานๆ (ซึ่งอาจฟงดูหยาบคาย และไมสุภาพ) ภาษา

                               ที่สื่อมวลชนนิยมใช ภาษาแสลง ภาษาวัยรุน ไปจนกระทั่งถึงภาษาทางการ
                               (หรือภาษาที่ใชในแวดวงวิชาการทางการแพทย)
                                     และถามองในแงของวิวัฒนาการในการใชคํา ก็จะเห็นทั้งคําศัพทดั้งเดิม
                               ซึ่งใชกันมานานแลว คําศัพทบัญญัติใหมที่นําเสนอมุมมองใหมๆ ในเรื่องเพศ

                               เปนการตอรองกับความหมายของคําเดิมซึ่งเต็มไปดวยอคติ และแสดงถึงความ
                               เหลื่อมล้ําทางเพศ รวมถึงคําทับศัพทภาษาอังกฤษ ซึ่งแฝงนัยวารูปแบบการมี

                               พฤติกรรมทางเพศเชนนี้ไมเคยถูกเปดเผยในสังคมไทยมากอน หรือไมก็เปน
                               คานิยมในเรื่องเพศที่ไดรับอิทธิพลมาจากคานิยมเรื่องเพศแบบตะวันตก
                               สังคมไทยจึงไมมีคําเรียกพฤติกรรมทางเพศเชนนี้

                                     สวนในเรื่องของนิยามความหมาย จะสรุปวิเคราะหโดยใชแนวคิดทฤษฎี
                               เรื่องการรื้อสราง (Deconstruction Theory) ซึ่งอธิบายวาคําๆ หนึ่งโดยตัวมันเอง
                               ไมไดมีความหมายที่ชัดเจนตายตัวเพียงความหมายเดียว หากเปนสวนหนึ่ง

                               ของการโยงใยความหมายมากมายในระบบโครงสรางของภาษา การที่คําหนึ่ง
                               สื่อถึงความหมายอยางใดอยางหนึ่งออกมา เทากับวาในเวลาเดียวกันมันได
                               ละเอาความหมายอื่นๆ อีกหลายความหมายที่ตางกันออกไปไวในคําๆ นั้นเอง

                                  2
                               ดวย  ความหมายของคําจึงเปนมีความลื่นไหล ไมหยุดนิ่ง และเปลี่ยนแปลงไป
                               ตามบริบทตางๆ อยางเชน คําวา ขุนแผน อาจหมายถึงชื่อตัวละครเอกใน
                               วรรณคดีไทยเรื่องหนึ่ง (ซึ่งไมใช พระอภัยมณี อิเหนา ฯลฯ) หรือ หมายถึงผูชาย
                               ที่เจาชูก็ได (อาจหมายถึงผูชายที่ชอบหวานเสนหใสผูหญิงหลายๆ คน ชอบจีบ



                               2   ความหมายของคําจึงไมใชแคการแสดงถึงความหมายอยางหนึ่ง ซึ่งตรงกันขามกับความหมายอีก
                                 อยางหนึ่ง (ซึ่งถูกละไวในฐานที่เขาใจ) หรือการมองเห็นทุกสิ่งแบบมุมมองที่เปนสองขั้วตรงขาม
                                 (Binary Opposition) หากเปนสิ่งที่ลื่นไหลไปมาไมหยุดนิ่ง และไมสิ้นสุด

                                                  สุไลพร ชลวิไล, พิมพวัลย บุญมงคล
   255   256   257   258   259   260   261   262   263   264   265