Page 73 - วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน. ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561)
P. 73
72 วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน
อำ�น�จหน้�ที่ของคณะกรรมก�รสิทธิมนุษยชนแห่งช�ติ
พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 15 (1) และ (4) ได้กำาหนด
ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มีอำานาจหน้าที่ในการส่งเสริมการเคารพและการปฏิบัติตามหลัก
สิทธิมนุษยชนทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ และส่งเสริมการศึกษา การวิจัย และการเผยแพร่ความรู้
ด้านสิทธิมนุษยชน และมาตรา 18 (3) และ (4) ได้กำาหนดให้สำานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(สำานักงาน กสม.) มีอำานาจหน้าที่ในการศึกษาและสนับสนุนให้มีการศึกษาและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน
ประสานงานกับหน่วยราชการ องค์การเอกชน หรือองค์การอื่นในด้านสิทธิมนุษยชนในการดำาเนินการ
เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ประกอบกับสำานักงาน กสม. ได้มีการจัดทำาบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ
ด้านสิทธิมนุษยชน (MOU) ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจเรื่อง
สิทธิมนุษยชนแก่บุคลากร นิสิต นักศึกษา ประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ รวมทั้งเป็นการสร้างภาคีเครือข่ายในการทำางาน
ด้านการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และรวบรวมข้อมูลการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านต่าง ๆ ในพื้นที่เพื่อ
นำาไปสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ต่อมาในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560
ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560 ได้เพิ่มเติมอำานาจหน้าที่ของ กสม. ตามมาตรา 26 ดังต่อไปนี้
(1) ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม่
ล่าช้า และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้ง
การเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้อง
(2) จัดทำารายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศเสนอต่อรัฐสภาและ
คณะรัฐมนตรี และเผยแพร่ต่อประชาชน
(3) เสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนต่อรัฐสภา คณะ
รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมตลอดทั้งการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำาสั่งใด ๆ เพื่อให้
สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
(4) ชี้แจงและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องโดยไม่ชักช้าในกรณีที่มีการรายงานสถานการณ์เกี่ยวกับ
สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยโดยไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม
(5) สร้างเสริมทุกภาคส่วนของสังคมให้ตระหนักถึงความสำาคัญของสิทธิมนุษยชน