Page 59 - วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน. ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561)
P. 59
58 วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน
ประโยชน์สำาคัญด้านการรักษาความสงบ แต่มีประเด็นว่า การกำาหนดความผิดนี้มีหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างไร
ว่าการเผยแพร่ข้อมูลเท็จส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมที่ชี้วัดได้ต่อความตื่นตระหนก สำาหรับกรณีมาตรา 14 (1)
มีประเด็นว่า เนื้อหาข้อมูลเท็จหรือบิดเบือนมีความสัมพันธ์เชิงเหตุผลกับ “ความน่าจะเสียหายแก่ประชาชนทั่วไป”
อย่างไร มีหลักฐานเชิงประจักษ์ใดที่แสดงว่า การโพสต์หรือแชร์ข่าวลือเท็จต่าง ๆ โดยมีเพียงเจตนา “หลอกลวง”
ซึ่งไม่จำาเป็นต้องถึงขั้นแสวงประโยชน์โดยมิชอบนั้นเป็นเหตุให้เกิด “ความเสียหาย” ต่อประชาชนทั่วไป ผู้เขียน
จึงเห็นว่า ความอันตรายของข้อมูลเท็จต่อความมั่นคงฯ ต่อความตื่นตระหนกของประชาชนนั้น เป็นองค์ประกอบ
ที่บัญญัติขึ้นบนพื้นฐานการคาดการณ์ ในเชิงเหมารวมอย่างกว้าง (merely conjectural harm) หรือในเชิง
สัญลักษณ์ (symbolic nature) หรือเป็นเพียงความคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ของอาชญากรรม (Prospect
of crime) เท่านั้น จึงมีแนวโน้มไม่สอดคล้องกับเกณฑ์ข้อนี้ 55
เกณฑ์ก�รปกป้องสิทธิประก�รที่เก้� : ก�รเผยแพร่ข้อมูลเท็จเพื่อก�รวิพ�กษ์วิจ�รณ์ เป็นเสรีภ�พ
ในก�รแสดงคว�มคิดเห็น
เนื้อหาข้อมูลเท็จบางกรณียังอยู่ในขอบเขตของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ศาลสิทธิมนุษยชน
ยุโรป ตัดสินว่า เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามมาตรา 10 ของอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนยุโรป ไม่มีข้อจำากัด
หรือข้อห้ามในการอภิปรายหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ได้รับมา แม้ว่าจะเป็นข้อมูลเท็จ ดังตัวอย่างคดี Salov
56
v. Ukraine ผู้ร้องถูกลงโทษจำาคุกและปรับ เนื่องจากเผยแพร่ข่าวลือเท็จเกี่ยวกับการตายของประธานาธิบดี
ผู้ร้องจึงยื่นคำาร้องต่อศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปอ้างว่า กฎหมายภายในของประเทศที่ลงโทษตนนั้นขัดต่อเสรีภาพ
ในการแสดงความคิดเห็นตามอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนยุโรป ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรปเห็นว่า แม้ผู้ร้องเผยแพร่
ข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ (False statement of fact) แต่ก็มีลักษณะของการเผยแพร่ด้วยความสงสัยในความถูกต้อง
แท้จริงและพยายามที่จะเผยแพร่ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อพิสูจน์ความจริงของเนื้อหานั้น ศาลยำ้าว่า “เสรีภาพ
ในการแสดงความคิดเห็นตามอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนยุโรปมาตรา 10 มิได้ห้ามการอภิปรายหรือการเผยแพร่ข้อมูล
แม้จะมีเหตุอันควรสงสัยว่าข้อมูลนั้นอาจไม่เป็นความจริง” ดังนั้น การที่กฎหมายภายในกำาหนดโทษสำาหรับ
การกระทำาดังกล่าวและการที่ศาลภายในประเทศตัดสินลงโทษผู้ร้องด้วยเหตุนี้เป็นการขัดต่อเสรีภาพ
ในการแสดงความคิดเห็นตามอนุสัญญาสิทธิมนุษยชนยุโรป
หลักฐานพิสูจน์เชิงประจักษ์ตามเกณฑ์ข้อนี้ เป็นการพิจารณาในระดับองค์ประกอบในตัวบทกฎหมาย
55
(Element of offence) ที่กำาหนดเนื้อหาต้องห้ามและประโยชน์ที่มุ่งคุ้มครอง ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับการนำาหลักฐาน
มาพิสูจน์ในชั้นพิจารณาคดีเมื่อผู้เผยแพร่ข้อมูลถูกดำาเนินคดีตามกฎหมายนั้นแล้ว กล่าวคือ เกณฑ์ข้อนี้จำากัดไม่ให้ภาครัฐ
ตรากฎหมายควบคุมเนื้อหาที่ไม่มีหลักฐานแสดงถึงความเป็นอันตรายของเนื้อหานั้นอย่างเป็นรูปธรรม
56 From Salov v. Ukraine, No. 65518/01, judgment of 6 September 2005, Reports 2005-
VIII, §113.