Page 61 - วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน. ปีที่ 3 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม - ธันวาคม 2561)
P. 61
60 วารสารวิชาการสิทธิมนุษยชน
and vagueness) แม้ว่ายังไม่นำาไปสู่การจับกุมหรือดำาเนินคดี แต่ส่งผลให้ผู้ประสงค์แสดงความคิดเห็นเกิด
ความรู้สึกกังวล เนื่องจากไม่ทราบแน่ชัดว่าการกระทำาใดจะเป็นความผิดหรือไม่เป็นความผิด เช่น ไม่แน่ใจว่า ข้อมูลใด
บิดเบือน ข้อมูลใดน่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคง ข้อมูลใดน่าจะทำาให้ประชาชนตื่นตระหนก ข้อมูล
การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจะถูกตั้งข้อหาว่ากระทบต่อความมั่นคงหรือยุยงปลุกปั่นหรือไม่ ฯลฯ แม้ว่าหากผู้เผยแพร่
ข้อมูลถูกฟ้อง ศาลอาจตัดสินว่าไม่มีความผิดเนื่องจากมีองค์ประกอบอีกหลายประการขึ้นอยู่กับการพิจารณา
ของศาล เช่น เจตนาของผู้กระทำา พฤติการณ์ประกอบการกระทำาว่าน่าจะเกิดความเสียหาย ฯลฯ หรือไม่ แต่ประเด็น
เหล่านี้อยู่ในชั้นพิจารณาแล้ว โดยก่อนหน้านั้น ผู้เผยแพร่ข้อมูลอาจถูกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตั้งข้อหา
ความผิดอันมีองค์ประกอบที่กว้างและคลุมเครือไปก่อน ทำาให้ผู้เผยแพร่ข้อมูลต้องเข้าสู่กระบวนการทางอาญา
อันอาจกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ดังนั้น ความกว้างของเนื้อหาและพฤติกรรมที่อาจเป็นความผิด ซึ่งไม่สอดคล้อง
กับหลักความจำาเป็นและได้สัดส่วน หลักความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลระหว่างข้อมูลที่กำาหนดเป็นความผิด
และผลกระทบที่ชัดเจนจากข้อมูลนั้น ตลอดจนความคลุมเครือขององค์ประกอบความผิดในพระราชบัญญัตินี้
สามารถส่งผลกระทบต่อการรับรู้และการตัดสินใจของผู้ประสงค์เผยแพร่ข้อมูล ทำาให้รู้สึกกังวลและไม่แน่ใจ
ในการสื่อสารแสดงความคิดเห็น จนทำาให้ผู้นั้นยุติการสื่อสารแสดงความคิดเห็นทางสื่อออนไลน์ หรือเรียกว่า
การเซ็นเซอร์ตนเอง (Self - censorship) ซึ่งเกิดจากผลหรือแรงกดดันของกฎหมายที่ไม่สอดคล้อง
58
กับหลักสิทธิมนุษยชนดังกล่าว ผลกระทบนี้เรียกว่า “Chilling effect” นั่นเอง ทั้งนี้ ศาลต่างประเทศ
เช่น สหรัฐอเมริกา วางหลักในหลายคดีว่า กฎหมายที่ก่อให้เกิดผลกระทบนี้ ขัดต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
59
ตามรัฐธรรมนูญ โดยในการพิจารณาว่ากฎหมายนั้นก่อให้เกิดผลกระทบดังกล่าวหรือไม่ ศาลจะพิจารณา
จากเกณฑ์ข้ออื่นที่กล่าวมาแล้ว เช่น ความกว้าง ความคลุมเครือ เป็นต้น
7 บทสรุปและข้อเสนอแนะ
บทความนี้ได้นำาหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ กฎหมายต่างประเทศ และคำาพิพากษา
ศาลต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง มาสังเคราะห์และจำาแนกเป็นเกณฑ์การปกป้องสิทธิ 9 เกณฑ์ เพื่อนำามาใช้วิเคราะห์
หลักกฎหมายที่จำากัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามพระราชบัญญัติความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
เพื่อประเมินถึงแนวโน้มของความสอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า บทบัญญัติ
58 Chilling effect อาจเกิดจากกฎหมายลักษณะต่าง ๆ เช่น กฎหมายหมิ่นประมาท (Thelma
McCormack , Censorship and Libel: The Chilling Effect, JAI Press, 1990) แต่ในที่นี้พิจารณาเฉพาะผลกระทบจาก
พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ซึ่งมุ่งเน้นควบคุมเนื้อหาเกี่ยวกับความมั่นคงและความสงบ
59 From Speiser v.Randall, 357 U.S. 513, 525–26 (1958).