Page 52 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2565
P. 52
50
กำรประเมินสถำนกำรณ์สิทธิมนุษยชน ในการสั่งคดีว่าไม่มีมูลเพื่อป้องกันการด�าเนินคดีเชิง
ยุทธศาสตร์เพื่อต่อต้านการมีส่วนร่วมของสาธารณชน
ในปี 2565 รัฐมีพัฒนาการในการส่งเสริมและ มาตั้งแต่ปี 2562 รวมถึงประเทศไทยได้ตอบรับข้อเสนอแนะ
คุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน อาทิ การประกาศ
ใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองพยานในคดีอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. จากกระบวนการน�าเสนอรายงาน UPR รอบที่ 3
ในการคุ้มครองทางกฎหมายในกรณีการถูกฟ้องปิดปาก
2565 ซึ่งได้ก�าหนดค�านิยามของค�าว่า “พยาน” เพื่อให้ การคุ้มครองพื้นที่ในการท�างานอย่างเสรีและใช้เสรีภาพ
ครอบคลุมบุคคลซึ่งมาให้ถ้อยค�าหรือได้ให้ข้อเท็จจริง ในการแสดงออกได้อย่างเต็มที่ รวมถึงการป้องกัน
ต่อพนักงานผู้มีอ�านาจสืบสวนคดีอาญา แม้จะไม่ได้เป็น การท�าร้ายและข่มขู่นักปกป้องสิทธิมนุษยชน แต่ยัง
163
พยานในคดีดังกล่าว และการที่รัฐมีความพยายามในการ พบว่ามีการแจ้งความด�าเนินคดีในลักษณะกลั่นแกล้ง
ขับเคลื่อนกระบวนการตรากฎหมายเพื่อป้องกันการฟ้อง โดยไม่ปรากฏกรณีตัวอย่างที่ชัดเจนในการใช้ประมวล
คดีปิดปาก ในความผิดฐานทุจริตและประพฤติมิชอบ กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามมาตราดังกล่าว
ซึ่งนักปกป้องสิทธิมนุษยชนสามารถใช้ประโยชน์และได้รับ เพื่อไม่ให้เป็นการเพิ่มภาระหรือจ�ากัดสิทธิเสรีภาพของ
ความคุ้มครองจากการแก้ไขค�านิยามและตรากฎหมาย บุคคลเกินสมควร รวมทั้งช่วยให้นักปกป้องสิทธิมนุษยชน
ดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ยังปรากฏกรณีพนักงานอัยการ มีความเชื่อมั่นในการท�าหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ชุมนุมกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่นเนื่องจาก
เห็นว่าการชุมนุมของนักปกป้องสิทธิมนุษยชนเป็นการ ข้อเสนอแนะในกำรส่งเสริมและคุ้มครอง
เรียกร้องผลประโยชน์ของชุมชน ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับ สิทธิมนุษยชน
แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ระยะที่ 1 ที่ให้ความส�าคัญกับการคุ้มครองนักปกป้อง กสม. มีข้อเสนอแนะ ดังนี้
สิทธิมนุษยชน อย่างไรก็ดี พบว่ายังคงมีการด�าเนินคดีกับ 1) รัฐบาล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัด
นักปกป้องสิทธิมนุษยชนในลักษณะที่เป็นการปิดกั้นหรือ การจัดท�าร่าง พ.ร.บ. มาตรการป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก
ท�าให้เกิดอุปสรรคต่อการท�าหน้าที่และถูกฟ้องร้องด�าเนิน ในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่และประพฤติมิชอบ พ.ศ. ....
คดี รวมถึงบางรายอยู่ระหว่างการต่อสู้คดีเป็นเวลาหลายปี เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา รวมถึงผลักดันกฎหมาย
ที่มีหลักการป้องกันการฟ้องคดีปิดปาก หรือการด�าเนินคดี
ยังพบว่ามีการแจ้งความดำาเนินคดีในลักษณะ โดยไม่สุจริตเพื่อเป็นการปิดปากการแสดงความคิดเห็น
กลั่นแกล้งโดยไม่ปรากฏกรณีตัวอย่างที่ชัดเจน ของประชาชน เพื่อให้มีผลใช้บังคับและสามารถคุ้มครอง
ในการใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นักปกป้องสิทธิมนุษยชนได้ในทางปฏิบัติ รวมทั้งก�าหนด
ตามมาตรา 161/1 และมาตรา 165/2 นิยามค�าว่า “นักปกป้องสิทธิมนุษยชน” ในกฎหมายให้มี
ความชัดเจนและครอบคลุม เพื่อประโยชน์ในการให้
ส�าหรับการป้องกันการฟ้องคดีเพื่อกลั่นแกล้ง ความช่วยเหลือและคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
(SLAPPs) แม้ว่าประเทศไทยได้มีการแก้ไขประมวล อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 161/1 และ
มาตรา 165/2 ที่ให้อ�านาจศาลในการพิจารณายกฟ้อง รัฐบาลควรสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย
ในชั้นตรวจค�าฟ้อง หากพบว่าเป็นการฟ้องเพื่อกลั่นแกล้ง เพื่อต่อต้านการใช้กระบวนการทางกฎหมาย
ตลอดทั้งให้จ�าเลยมีโอกาสในการแสดงหลักฐานว่า ในการฟ้องเพื่อกลั่นแกล้งที่มีประสิทธิภาพ
การฟ้องคดีเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อประกอบการพิจารณา และประสิทธิผล
001-234 V9 CS6.indd 50 3/14/23 8:40 PM

