Page 119 - รายงานผลการดำเนินงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ชุดที่ 3 (วันที่ 26 พฤศจิกายน 2558 ถึง 25 พฤษภาคม 2564)
P. 119
เอกสารที่ศาลอนุมัติให้ประกันตัวมายังกรมคุ้มครอง ดังกล่าวมาค�้าประกันได้อาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ
สิทธิและเสรีภาพจึงควรที่จะขยายการด�าเนินการเช่นนี้ ในการปล่อยตัวชั่วคราว โดยควรให้สามารถน�าบุคคลอื่น 1
ในทุกศาลเพื่อที่จะท�าให้จ�าเลยได้เข้าถึงการประกันตัว นอกเหนือจากบุคคลตามที่ก�าหนดไว้มาเป็นผู้ค�้าประกันได้
ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เป็นต้น และหากเป็นบุคคลที่ไม่สามารถหาผู้ค�้าประกันได้ ควรจะ 2
ก�าหนดให้คณะกรรมการกองทุนยุติธรรมสามารถพิจารณา
(๕) คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม กรมคุม ให้ความช่วยเหลือได้เป็นรายกรณี 3
ประพฤติ ส�านักงานศาลยุติธรรม และหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาร่วมกันในการวางระบบการใช้ (๓) คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครอง
เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว ให้มีการบริหารจัดการ สิทธิและเสรีภาพ ส�านักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และ 4
ที่ไม่ติดขัดในกรณีที่ไม่สามารถจัดหาเครื่องมือประจ�าได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรร่วมกันพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์
ทุกท้องที่ และต้องมีการวางแผนงานเพื่อให้สามารถใช้ได้ การเยียวยาแก่ผู้ถูกคุมขังเกินกว่าโทษตามค�าพิพากษา 5
ครอบคลุมทั่วประเทศ และรัฐบาลต้องให้ความส�าคัญ ในพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ และ
ในการจัดสรรงบประมาณประจ�าอย่างต่อเนื่องทุกปี ในระเบียบคณะกรรมการกองทุนยุติธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์
และโดยเฉพาะการใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว วิธีการ และเงื่อนไขในการช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
กับการปล่อยตัวชั่วคราว ยังคงต้องพิจารณาจากพฤติกรรม หรือผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน
ของผู้ต้องหาหรือจ�าเลยเป็นส�าคัญ และหากกรณีที่ศาล พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้รวมถึงจ�านวนเงินเยียวยาตามจ�านวนวัน
ต้องการหลักประกันและจ�าเลยไม่มีหลักประกัน ควรจะใช้ ที่ถูกขังเกินค�าพิพากษา และการเยียวยาทางด้านจิตใจ
เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัว ทั้งนี้ ต้องไม่ค�านึงถึงฐานะของผู้ที่ถูกคุมขังเกินกว่าโทษ
ตามค�าพิพากษา
ข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย
(๑) คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม และหน่วยงาน (๔) คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม ควรหารือ
ที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณาทบทวนแก้ไขประมวลกฎหมาย กับส�านักงานศาลยุติธรรม เพื่อที่จะพิจารณาทบทวน
วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๐๘ และมาตรา ๑๐๘/๑ ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ
โดยในการวินิจฉัยค�าร้องขอให้ปล่อยตัวชั่วคราว ให้ถือเป็น และเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกประกันหรือหลักประกัน
หลักว่าผู้ต้องหาหรือจ�าเลยทุกคนพึงได้รับการปล่อยตัว ในการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจ�าเลยในคดีอาญา
ชั่วคราว เว้นแต่จะมีเหตุจ�าเป็น โดยพิจารณาจากเหตุ พ.ศ. ๒๕๔๘ ข้อ ๖ โดยก�าหนดให้ศาลสามารถใช้ดุลพินิจ
เพียง ๓ ประการ คือ (๑) ผู้ต้องหาหรือจ�าเลยจะหลบหนี ในการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวได้โดยมีประกันและ ผลการดำาเนินงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(๒) ผู้ต้องหาหรือจ�าเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จะมีหลักประกันหรือไม่ก็ได้
(๓) ผู้ต้องหาหรือจ�าเลยจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น
ทั้งนี้ เพื่อให้องค์กรที่เกี่ยวข้องสามารถใช้ดุลพินิจในการ ผลการด�าเนินการ
ปล่อยตัวชั่วคราวได้มากยิ่งขึ้น ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ส�านัก
เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แจ้งว่า รองนายกรัฐมนตรี
(๒) คณะรัฐมนตรี โดยกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครอง (นายวิษณุ เครืองาม) ได้สั่งและปฏิบัติราชการแทน
สิทธิและเสรีภาพ ส�านักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นายกรัฐมนตรี มอบให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงาน
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรร่วมกันพิจารณาทบทวนแก้ไข หลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับส�านักงานคณะกรรมการ
พระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๓๐ กฤษฎีกา ส�านักงานศาลยุติธรรม ส�านักงานอัยการสูงสุด
วรรคสี่ ที่ก�าหนดให้การขอปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหา ส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อ
หรือจ�าเลยจะต้องน�าสามี ภริยา บุพการี ผู้สืบสันดาน ศึกษาแนวทางและความเหมาะสม และจัดท�ารายงานผล
ญาติใกล้ชิด ผู้บังคับบัญชา หรือนายจ้างมาเป็นผู้ค�้าประกัน การพิจารณาไปยังส�านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน
ด้วย เนื่องจากผู้ต้องหาหรือจ�าเลยที่ไม่สามารถน�าบุคคล ๓๐ วัน เพื่อน�าเสนอคณะรัฐมนตรี
117