Page 125 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง การประเมินข้อมูลพื้นฐานระดับชาติด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชน : นโยบาย กฎหมาย และมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของประเทศ
P. 125
ประการที่สี่ คือ การจัดตั้งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับ
ให้หายสาบสูญ โดยนายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 131/2560 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.
2560 และคำสั่งที่ 198/2560 ลงวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2560 แต่งตั้งคณะกรรมการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์
กรณีถูกกระทำทรมานและถูกบังคับให้หายสาบสูญ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน
กรรมการ และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 16 คนร่วมเป็นกรรมการ โดยมีอำนาจหน้าที่กำหนด
นโยบาย แผนงาน มาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ และช่วยเหลือเยียวยา อำนวยการ
ประสานการปฏิบัติงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ ตรวจสอบ พิจารณา วินิจฉัย ติดตาม และช่วยเหลือเยียวยา เชิญ
บุค ค ล มาให้ข้อมูล หรือจัดส่งข้อมูล จัดทำรายงานผลการดำเนินงานเสนอคณะรัฐมนตรี แต่งตั้ง
คณะอนุกรรมการ คณะทำงาน หรือมอบหมายบุคคลอื่นให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้
ที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้มีการเริ่มดำเนินงานรับเรื่องร้องทุกข์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง สอบสวน และ
พิจารณามาตรการช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียหาย รวมทั้งมาตรการป้องกันการทรมานและถูกบังคับให้
หายสาบสูญแล้ว
ประการที่ห้า สำนักงานอัยการสูงสุดมีการปรับใช้มาตรา 21 ของพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและ
พนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 ในหลายคดี โดยมาตราดังกล่าวได้ให้อำนาจพนักงานอัยการในการพิจารณาสั่งคดี
และการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กล่าวคือ ถ้า
พนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความ
ปลอดภัย หรือความมั่นคงของชาติ หรือต่อผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศ ให้เสนอต่ออัยการสูงสุดให้มี
อำนาจสั่งไม่ฟ้องได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่สำนักงานอัยการสูงสุดกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
อัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการให้ใช้บังคับกับกรณีที่พนักงานอัยการไม่ยื่นคำร้องไม่
อุทธรณ์ ไม่ฎีกาถอนฟ้อง ถอนคำร้อง ถอนอุธรณ์ และถอนฎีกาด้วยโดยอนุโลม
ประการที่หก คือ การทำความเข้าใจและการไกล่เกลี่ย ปัจจุบัน หลายหน่วยงานได้มีการสื่อสารและ
ทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในสังกัดเกี่ยวกับการทำงานของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน เช่น ที่ผ่านมา
กระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเพื่อแจ้งแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหา
ความไม่สงบเรียบร้อยจากการคัดค้านการดำเนินการโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนใน
พื้นที่ รวมทั้งกระทรวงกลาโหมได้จัดทำคู่มือการปฏิบัติงานในส่วนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร และฝ่ายพลเรือนใน
การดูแลผู้ชุมนุม อีกทั้งกระทรวงยุติธรรมโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการไกล่
เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. .... เพื่อให้มีระบบการไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทกลางโดยหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งไกล่เกลี่ย
คดีอาญาในชั้นพนักงานสอบสวนอีกด้วย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนในการยุติหรือระงับข้อพิพาทด้วยความ
สมัครใจและพึงพอใจต่อคู่กรณีทั้งสองฝ่าย อันเป็นการเสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคม ซึ่งมาตรการดังกล่าว
ถือเป็นมาตรการที่เพิ่มความคุ้มครองให้กับนักปกป้องสิทธิมนุษยชนได้เช่นกัน ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวได้รับ
ความเห็นชอบจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 ให้ประกาศใช้เป็น
กฎหมายโดยให้มีผลบังคับใช้นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
65

