Page 104 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2561
P. 104
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๖๑
๓.๓ ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน
ภาพรวม
ตามกติกา ICCPR รัฐมีพันธกรณีที่จะคุ้มครองบุคคล ทั้งนี้ตามหลักการ UNGPs รัฐมีหน้าที่ในการด�าเนินการใด ๆ
จากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะเกิดจาก ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชน
การกระท�าโดยหน่วยงาน/เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือโดยบุคคลอื่น โดยธุรกิจ และหากมีการละเมิดเกิดขึ้น รัฐต้องจัดให้มี
ซึ่งรวมถึงธุรกิจเอกชนด้วย จากสถานการณ์การละเมิด การสอบสวนและลงโทษผู้กระท�าผิด รวมทั้งดูแลให้ผู้ถูก
สิทธิมนุษยชนโดยธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ละเมิดสิทธิได้รับการชดเชยเยียวยา ในปี ๒๕๖๐ รัฐบาล
องค์การสหประชาชาติจึงได้จัดท�าแนวทางการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และมีความก้าวหน้า
ในบริบทของการประกอบธุรกิจขึ้น เมื่อปี ๒๕๕๔ เรียกว่า ในการด�าเนินการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบ
หลักการชี้แนะเรื่องสิทธิมนุษยชนส�าหรับธุรกิจ (United ด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากการด�าเนินการของ
Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: ภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ การแสดงเจตจ�านง บทที่ ๓
UNGPs) หลักการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานของพันธกรณีของรัฐ ทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีโดยให้หน่วยงานของรัฐ
ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่มีอยู่แล้ว โดยมีสาระส�าคัญ ที่เกี่ยวข้องร่วมลงนามในปฏิญญาเพื่อขับเคลื่อนหลักการ
แบ่งเป็น ๓ ส่วน ได้แก่ หน้าที่ของรัฐในการคุ้มครองสิทธิ UNGPs ในประเทศไทยร่วมกับองค์กรธุรกิจ และ กสม.
ของประชาชนจากการถูกละเมิดโดยธุรกิจ การริเริ่มการจัดท�าแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วย
ความรับผิดชอบของธุรกิจในการเคารพสิทธิมนุษยชน และ ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on
การเข้าถึงการเยียวยาของผู้ได้รับผลกระทบ Business and Human Rights: NAP) การปรับปรุง
ด้านสิทธิมนุษยชนจากการประกอบธุรกิจ (Protect, Respect แก้ไขพระราชก�าหนดการประมง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐
and Remedy Framework) แม้ว่า UNGPs จะไม่ได้มีผล รวมถึงการให้คณะกรรมการนโยบายและก�ากับดูแล
ผูกพันทางกฎหมายเช่นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชน รัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนหลักการ UNGPs ส่วนในปี
แต่ในการจัดท�า UNGPs ได้มีกระบวนการปรึกษาหารือ ๒๕๖๑ มีสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นธุรกิจ
กับทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ องค์กรภาคประชาสังคม กับสิทธิมนุษยชนที่ส�าคัญ ดังนี้ การประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
และผู้ได้รับผลกระทบในหลายประเทศ จึงท�าให้
ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ๑. การจัดท�แผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจ
กับสิทธิมนุษยชน (NAP)
สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทยได้รับข้อเสนอแนะ
จากการประชุมทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของ
ประเทศไทยในกระบวนการ UPR รอบที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๑
พฤษภาคม ๒๕๕๙ จากประเทศต่าง ๆ จ�านวน ๒๔๙ ข้อ
ซึ่งรวมถึงข้อเสนอให้ไทยจัดท�าและบังคับใช้แผนปฏิบัติการ
ระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP)
เพื่อปฏิบัติตามหลักการ UNGPs นั้น รัฐบาลได้แต่งตั้ง
คณะกรรมการก�าหนดแนวทางจัดท�า ติดตาม และ
ประเมินผลตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจ
กับสิทธิมนุษยชนขึ้นโดยมีกระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงาน
รับผิดชอบหลัก
๑๗๔
๑๗๔ ค�าสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ ๘๙/๒๕๖๑ ลงวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๑ ซึ่งมีองค์ประกอบพื้นฐานและอ�านาจหน้าที่คงเดิมจากคณะกรรมการก�าหนดแนวทาง จัดท�า ติดตาม และ
ประเมินผลตามแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ตามค�าสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ ๕๕๗/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ และมีการเพิ่มเติมผู้แทน
จากหน่วยงานภาครัฐที่ด�าเนินงานเกี่ยวข้องกับประเด็นธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ด้วย.
103