Page 23 - ข้อเสนอแนะการเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้
P. 23
• ภรรยาไม่ควรปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์กับสามี แต่ให้สามีเล้าโลมด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องการให้ความรัก
ความอบอุ่น เติมเต็มชีวิตสมรสและความเป็นครอบครัว
• อิสลามไม่ได้ค�านึงความรู้สึกและสิทธิของผู้ชายเท่านั้น แต่ไม่ส่งเสริมการกระท�าที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
หรือผลร้ายและเอาใจใส่ความต้องการผู้หญิงด้วย เช่น การไม่สนับสนุนให้ผู้ชายไปรบนานเกิน ๔ เดือน เนื่องจาก
ผู้หญิงก็ต้องการได้รับความอบอุ่นจากผู้ชายด้วยเช่นกัน
• มนุษย์ทุกคนในโลกนี้ ไม่ว่าหญิงหรือชาย คือ ตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าบนหน้าแผ่นดิน (ค่อลีฟะตุ้ลเลาะฮ์)
ทุกชีวิตจึงมีความศักดิ์สิทธิ์ ละเมิดมิได้ ดังนั้น การปฏิบัติตัวในแต่ละวันของมนุษย์ถือเป็นการท�าคุณงามความดี
๗
ในฐานะตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าด้วย มุสลิมทุกคนทั้งหญิงและชายจึงต้องตระหนักถึงการปฏิบัติตัวในชีวิตประจ�าวัน
ของตนให้สอดคล้องกับหลักการของศาสนา และพระผู้เป็นเจ้าทรงมองเห็นทุกการกระท�านั้น
• เป้าหมายการมีชีวิตอยู่ของมุสลิมมิใช่การอยู่กับความสุดโต่ง แต่ต้องมี “ความเป็นประชาชาติสายกลาง
(วะสะฏียะฮ์)” ที่ไม่ท�าให้ผู้อื่นเดือดร้อน เช่น ไม่ทรมานตนเอง เพราะร่างกายมีสิทธิ์เหนือตัวเรา และภรรยา สามี หรือ
ญาติพี่น้องก็มีสิทธิ์เหนือตัวเรา
• มุสลิมต้องไม่เลือกที่จะปฏิบัติดีเฉพาะต่อคนมุสลิมเท่านั้น แต่ยังต้องกระท�าความดีต่อผู้ไม่ใช่มุสลิมด้วย
อย่างไรก็ตาม จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทั่วไป ผู้หญิงมุสลิมยังคงถูกละเมิด ถูกท�าร้าย และไม่ได้รับความยุติธรรม
ในหลายกรณีมีการอ้างเหตุผลทางศาสนาเพื่อรับรองการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง โดยไม่ค�านึงถึงบริบทซึ่งระบุถึง
ที่มาและเจตจ�านงของการบัญญัติค�าสอนทางศาสนาอิสลาม ผู้หญิงมุสลิมจึงยังคงเผชิญกับความรุนแรงโดยบุคคล
รอบตัวทั้งในพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่สาธารณะ เช่น การกล่าวอ้างถ้อยค�าจาก อัล-กุรอานที่ว่า “จงเฆี่ยนนาง” มาใช้
ในการตีความรับรองความชอบธรรมในการที่สามีเฆี่ยนตีภรรยาว่าเป็นสิ่งที่ศาสนาอิสลามอนุญาต หรืออีกนัยหนึ่ง
๘
เป็นการใช้ตรรกะที่ท�าให้ผู้ชายมีความชอบธรรมที่จะท�าร้ายหญิงที่เป็นภรรยา
ผศ.ดร. อับดุลเลาะห์ หนุ่มสุข ยกตัวอย่างถึงประเพณีวัฒนธรรมในบางพื้นที่ว่ามีอิทธิพลต่อการลดทอนสิทธิ
ของผู้หญิงเช่นกัน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือในบางภูมิภาคอื่นการให้ค่าสมรส (มะฮัรฺ) ซึ่งเป็นทรัพย์สินหรือ
ของขวัญที่เจ้าบ่าวมอบให้กับเจ้าสาวโดยพ่อและแม่เจ้าสาวไม่มีสิทธิใดในค่าสมรสนั้น ได้ถูกก�าหนดไว้เพียงแค่
๑๒๕ บาท มาจากฐานคิดค�านวณจากค่าสมรสซึ่งท่านศาสดามุฮัมหมัด (ซ.ล.) ให้แก่บิดาของเจ้าสาว ๕๐๐ ดิรฮัม
ซึ่งครูบาอาจารย์ตั้งแต่ในอดีตได้แปลเงินจ�านวนดังกล่าวเป็น ๕๐๐ สลึง หรือเท่ากับ ๑๒๕ บาท และยึดติดกับค่าของ
เงินจ�านวนนั้นมาตลอด ในขณะที่ค่าของเงินได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบันจนไม่สามารถเทียบกับค่าเงินเดิม
ได้อีกต่อไป ๙
๗ โดยหลักค�าสอนของอิสลาม ชีวิตมนุษย์ทุกชีวิตมีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ดังนั้น หลักการอิสลามจึงอนุญาตให้ท�าสงครามในกรณีเพื่อปกป้องตนเองจากการถูกรุกรานเท่านั้น
ไม่ใช่เพื่อรุกรานผู้อื่น และการที่มักมีการแปลความหมายของค�าว่า “ญิฮาด” ว่า คือ การท�าสงครามศักดิ์สิทธิ์นั้น โดยหลักค�าสอนของอิสลามแล้ว สงครามไม่ใช่เรื่องศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจาก
การท�าสงครามมักมีการท�าลายชีวิตของมนุษย์
๘ คือ การใช้ตรรกะแบบชัยฎอน (ตรรกะที่”ยกตนเหนือสิ่งสร้างอื่นของพระผู้เป็นเจ้า”) โดยท�าตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่สามารถท�าร้ายภรรยาของตนได้ โดยอ้างว่าเพื่อให้มารร้ายออกจากตัวนาง
ทั้งๆ ที่ในทัศนะอิสลาม อ�านาจสูงสุด คือ อ�านาจอัลลอฮ์ ไม่ใช่อ�านาจผู้ชาย
๙ ผศ.ดร. อับดุลเลาะ หนุ่มสุข ผู้ทรงคุณวุฒิ ส�านักจุฬาราชมนตรี และผู้อ�านวยการสถาบันวะสะฏียะฮ์เพื่อสันติภาพและการพัฒนา ส�านักจุฬาราชมนตรี
12 ข้อเสนอแนะ การเข้าถึงความยุติธรรมของผู้หญิงมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้