Page 79 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 79

55


                       7) ประเด็นเกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารมีผู้ให้ข้อมูลจากการรับฟังความคิดเห็นที่สรุปได้ดังนี้

                       ผู๎ให๎ข๎อมูลรายหนึ่งให๎ความเห็นวํา “กฎหมายเกณฑ๑ทหารท าให๎เกิดความไมํเทําเทียมกันและเลือก
               ปฏิบัติตํอผู๎หญิง เป็นการมองวําผู๎หญิงมีความด๎อยกวําผู๎ชาย ทั้งที่ผู๎หญิงสามารถเป็นทหารอาชีพได๎ สามารถ

               เป็นนักศึกษาวิชาทหารได๎ ปัจจุบันมีกฎหมายให๎สิทธิเทําเทียมกันตํอผู๎หญิงหลายฉบับแตํกฎหมายเกณฑ๑ทหาร

               ยังไมํก าหนดหน๎าที่ของหญิงให๎เทําเทียมกับชาย นอกจากนี้ การเกณฑ๑ทหารหญิงก็ไมํจ าต๎องให๎ฝึกเหมือนกับ
               ผู๎ชายทุกประการ โดยอาจให๎ท าหน๎าที่อื่นๆในกองทัพที่เหมาะสมกับสภาพรํางกายของทหารหญิงก็ได๎ แตํการ

               ก าหนดหลักตัดสิทธิผู๎หญิงตั้งแตํแรกนั้นเป็นการไมํเทําเทียมกัน”

                       ผู๎ให๎ข๎อมูลรายหนึ่งให๎ความเห็นวํา “กฎหมายการเกณฑ๑ทหารไมํค านึงถึงความเชื่อทางศาสนาหรือ
               ความเชื่อตํอชีวิต บางคนไมํเห็นด๎วยกับการใช๎ก าลังและความรุนแรง ท าไมไมํมีการให๎ทางเลือกอื่นในการ

               บริการสังคมหรือท างานในภาครัฐที่ไมํใช๎ก าลังแทนการเกณฑ๑ทหาร”
                       ผู๎ให๎ข๎อมูลรายหนึ่งให๎ความเห็นวํา “กฎหมายเกณฑ๑ทหารเลือกปฏิบัติเพราะยกเว๎นให๎กับคนตํางชาติที่

               เปลี่ยนมาเป็นคนไทย เมื่อเป็นคนไทยแล๎วก็ควรมีหน๎าที่เชํนเดียวกับคนไทยอื่นๆ ในปัจจุบันมีคนตํางด๎าวเข๎ามา
               เป็นคนไทยโดยการแตํงงานและประกอบอาชีพในประเทศไทยมากมายและจะมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเปิดอาเซียน

               บุคคลเหลํานี้จึงเป็นผู๎ได๎รับสิทธิพิเศษ ไมํต๎องมีหน๎าที่เกณฑ๑ทหาร”

                       - พระรูปหนึ่งซึ่งเป็นนักศึกษาปริญญาโทสาขาพระพุทธศาสนาให๎ความเห็นวํา “กฎหมายเกณฑ๑ทหาร
               เลือกปฏิบัติตํอพระสงฆ๑ เนื่องจากยกเว๎นให๎เฉพาะพระที่สอบได๎เปรียญหรือนักธรรม แตํปัจจุบันนอกจาก

               การศึกษาด๎านเปรียญหรือนักธรรมแล๎ว พระสงฆ๑ยังสามารถเลือกศึกษาระดับปริญญาตรี โท เอก ทางด๎าน

               พระพุทธศาสนา แตํกฎหมายไมํยกเว๎นให๎พระสงฆ๑ที่ศึกษาทางสายนี้”


                       8) จากการจัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เรื่อง “ปรากฏการณ์ตุ๊กตาลูกเทพกับการสื่อสาร
               ที่ให้เกิดความเกลียดชัง” นั้น ผู๎วิจัยพบวํา มีข๎อเท็จจริงที่เกี่ยวข๎องอันสรุปได๎ดังนี้

                       - ผู๎นิยมตุ๏กตาลูกเทพบางราย ที่เคย อัพสเตตัส ขึ้นรูปโพรไฟล๑น๎องตุ๏กตาหรือตัวเองคูํกับตุ๏กตา ให๎
               ข๎อมูลวํา “เริ่มมีอาการไมํกล๎าโพสต๑ เพราะอายที่จะถูกเพื่อนในเครือขํายมองวํา “ไร้สติ” หรือกระทั่ง “บ้า”

                       นอกจากนี้ยังให๎ข๎อมูลวํา “มีคนสร๎างเพจส าหรับการ “ตํอต๎าน” ตุ๏กตาลูกเทพ ขึ้นมาโดยเฉพาะ มีภาพ

               ล๎อเลียน เสียดสี ดําทอ แสดงความไมํพอใจตํอฝุายนิยมตุ๏กตาลูกเทพ”
                       - ผู๎ให๎ข๎อมูลที่เคยน าตุ๏กตาลูกเทพไปในที่สาธารณะด๎วย รู๎สึกไมํสบายใจ และเกิดความอับอายจากการ

               ถูกคนในสังคมใช๎กิริยาอาการหรือค าพูดในลักษณะดูหมิ่นเหยียดหยามหรือเกลียดชัง บางรายกลําววํารู๎สึกอาย

               และเลิกการน าตุ๏กตาติดตัวไปในที่สาธารณะ
                       - ผู๎ให๎ข๎อมูลเป็นนักศึกษาระดับปริญญาโทในมหาวิทยาลัยแหํงหนึ่งให๎ข๎อมูลวํา อาจารย๑ผู๎สอนได๎

               ประกาศวํา “ถ๎านักศึกษาคนไหนน าตุ๏กตาลูกเทพมาเรียน จะไมํอนุญาตให๎เข๎าชั้นเรียน โปรดท าตัวให้เหมาะสม
               กับผู้มีการศึกษา”

                       - ผู๎ให๎ข๎อมูลกลุํมหนึ่งซึ่งผู๎มีงานอดิเรกในสะสมตุ๏กตา ให๎ข๎อมูลซึ่งสรุปได๎วํา “ถูกเหมารวมวําตุ๏กตา
               สะสมเป็นตุ๏กตาลูกเทพและได๎รับการปฏิบัติจากบุคคลตํางๆในที่สาธารณะในลักษณะของการดูถูก การใช๎
   74   75   76   77   78   79   80   81   82   83   84