Page 617 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 617
593
(3) ก าหนดถ้อยค าเกี่ยวกับ “การเลือกปฏิบัติ”
การปฎิบัติที่แตกต่างกัน (Differential Treatment) เป็นค าที่มีลักษณะเป็นกลาง (Neutral)
กล่าวคือ อาจเป็นการเลือกปฎิบัติที่ต้องห้ามตามกฎหมาย หรือ อาจเป็นการกระท าที่ไม่เข้าองค์ประกอบ
ของการเลือกปฎิบัติตามกฎหมายก็ได้ อย่างไรก็ตาม กฎหมายประเทศต่างๆ มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปใน
การใช้ถ้อยค าเพื่อจ าแนก การปฎิบัติที่แตกต่างกันอันต้องห้ามตามกฎหมาย และ การปฎิบัติที่แตกต่างกัน
แต่ไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย ทั้งนี้ ผลการวิจัย (หัวข้อ 4.3.6 วิเคราะห์รูปแบบและโครงสร้างการ
ก าหนดหลักการห้ามเลือกปฏิบัติ) ชี้ให้เห็นว่าการจ าแนกความแตกต่างระหว่าง “การปฏิบัติที่แตกต่างกัน
อันต้องห้ามตามกฎหมาย” และ “การปฏิบัติที่แตกต่างกันอันไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย” ดังที่ปรากฏตาม
กฎหมายของประเทศต่างๆ นั้นอาจจ าแนกได้ 4 รูปแบบ ส าหรับกฎหมายไทย ผู้วิจัยมีข้อเสนอให้
ก าหนดเรียกการปฏิบัติที่แตกต่างกันอันต้องห้ามตามกฎหมายว่า “การเลือกปฏิบัติ” (Discrimination)
และก าหนดเรียกการปฏิบัติที่แตกต่างกันแต่มีเหตุผลอันสมควรตามที่กฎหมายก าหนด หรือ ไม่เข้า
องค์ประกอบเงื่อนไขของการเลือกปฏิบัติที่ต้องห้ามตามกฎหมายว่า “การกระท าที่ไม่เป็นการเลือก
ปฏิบัติ” โดยเสนอว่าไม่จ าต้องน าองค์ประกอบ “เป็นธรรม” (Fair) หรือ “ไม่เป็นธรรม” (Unfair) มาใช้ใน
การจ าแนกระหว่างการปฏิบัติทั้งสองอย่างดังกล่าว ทั้งนี้เพราะค าว่า “การเลือกปฎิบัติ” (Discrimination)
แสดงนัยถึงความหมายในทางลบอยู่ในตัวเอง นอกจากนี้ตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศหลาย
ฉบับก็มิได้ใช้องค์ประกอบ “เป็นธรรม” มาขยายค าว่าการเลือกปฎิบัติแต่อย่างไร
(4) การบัญญัติหลักการเกี่ยวกับ“เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ”
จากการศึกษาวิเคราะห์กฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายต่างประเทศ ในประเด็นของ เหตุแห่ง
การเลือกปฏิบัติ เปรียบเทียบกับกฎหมายไทย พบว่ายังมีปัญหาการระบุเหตุต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือก
ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ จึงมีข้อเสนอแนะดังนี้
-เพิ่มเติมเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติบางประการให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิ
มนุษยชนระหว่างประเทศ เช่น ก าหนดเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติให้ครอบคลุม “ความคิดเห็นอื่นใด”
นอกเหนือจาก “ความคิดเห็นทางการเมือง” รวมทั้งก าหนดเหตุครอบคลุม “ความเชื่ออื่น” นอกจากความ
เชื่อทาง “ศาสนา”
- เหตุแห่งการเลือกปฏิบัติบางอย่าง ไม่ได้มีการระบุไว้ชัดแจ้งตามรัฐธรรมนูญ เช่น ประวัติ
อาชญากรรม กรณีเช่นนี้ แม้ว่าในแง่หนึ่ง หากพิจารณากฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ จะเห็นได้
ว่า เหตุดังกล่าวมิได้ปรากฏอยู่ในเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติที่ไทยมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม แต่ในอีกแง่หนึ่ง
นั้น อาจพิจารณาได้ว่า เหตุดังกล่าวมีความส าคัญและการน าเหตุดังกล่าวมาปฏิบัติต่อบุคคลแตกต่างกันนั้น
ส่งผลกระทบต่อสิทธิพื้นฐานของบุคคลในด้านต่างๆเช่นการประกอบอาชีพ การใช้บริการต่างๆ ดังนั้นก็ควร
มีการคุ้มครองความเท่าเทียมกันของบุคคลที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะสองแนวทางดังนี้

