Page 558 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 558
534
574
ธรรมชาติ อยํางไรก็ตาม ศาลเห็นวําคําพิพากษาศาลตํางประเทศยังไมํเป็นการเพียงพอหากปราศจาก
พยานหลักฐานที่แสดงถึงความถูกต๎องของข๎อเท็จจริง เมื่อพิจารณาจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล๎ว ศาล
เห็นวํายังไมํเป็นที่สรุปได๎วําการรักเพศเดียวกันเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวของมนุษย์ (Inconclusive) ดังนั้น
กฎหมายที่กําหนดโทษสําหรับการมีความสัมพันธ์ระหวํางเพศเดียวกันจึงไมํมีความเชื่อมโยงกับคุณลักษณะ
ติดตัวของมนุษย์และไมํขัดตํอสิทธิพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ
สําหรับประเด็นที่วํา กฎหมายอาญาขัดตํอหลักความเทําเทียมกันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 12
575
หรือไมํนั้น จะเห็นได๎วํา กฎหมายอาญาสิงค์โปร์มาตรา 377A กําหนดความผิดเฉพาะ การมีเพศสัมพันธ์
หรือการกระทําที่ไมํเหมาะสมทางเพศ (Indecency) ระหวํางชายกับชาย แตํไมํครอบคลุมถึงการกระทํา
ระหวํางชายกับหญิง และ หญิงกับหญิง จึงมีประเด็นวํากฎหมายดังกลําวเลือกปฏิบัติและขัดตํอหลักความ
เทําเทียมกันหรือไมํ ศาลในคดีนี้เห็นวํา วัตถุประสงค์ของมาตรานี้สะท๎อนให๎เห็นตั้งแตํกฎหมายปี 1938 ซึ่ง
มุํงควบคุมการกระทําที่ไมํเหมาะสมระหวํางชายซึ่งฝุายนิติบัญญัติเห็นวําเป็นการกระทําอันไมํพึงประสงค์
วัตถุประสงค์ของกฎหมายมีความสมเหตุสมผลเมื่อพิจารณาจากการจําแนกประเภทบุคคลผู๎กระทําความผิด
การจําแนกประเภทดังกลําวสอดคล๎องกับวัตถุประสงค์ของกฎหมายจึงมีความได๎สัดสํวน ดังนั้นการกําหนด
ความผิดเฉพาะพฤติกรรมทางเพศระหวํางชายกับชายตามกฎหมายนี้มีเหตุผลสมควรและได๎สัดสํวน จึงไมํ
ขัดตํอหลักความเทําเทียมกันตามรัฐธรรมนูญ
ดังนั้น ในประเด็นที่เกี่ยวกับมาตรา 12 นั้นศาลตัดสินวํา (1) การจําแนกประเภทบุคคล
(Classification) ตามมาตรา 377A นั้นอยูํบนพื้นฐานความแตกตํางที่สมเหตุผล (Intelligible Differentia)
และ (2) ความแตกตํางดังกลําวมีเหตุผลสอดคล๎องกับวัตถุประสงค์ของมาตรา 377A
จะเห็นได๎วํา กฎหมายที่มีหลักการปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันด๎วยเหตุแหํงรสนิยมทางเพศ ยังคงมี
ผลใช๎บังคับตํอไป ทั้งนี้เนื่องจากศาลเห็นวํา กฎหมายดังกลําวมีเหตุผลสมควรและจําเป็นสําหรับสังคมสิงค์
โปร์ นอกจากกฎหมายดังกลําวแล๎ว กฎหมายอาญาสิงค์โปร์ยังมีประเด็นปัญหาในทํานองนี้ เชํน การที่
กฎหมายกําหนดโทษสําหรับการประทุษร๎ายทางเพศที่มีองค์ประกอบวําผู๎กระทําต๎องเป็นชาย อันหมายถึง
การพิจารณาลักษณะทางกายวิภาควําต๎องมีอวัยวะเพศชายเทํานั้น ทําให๎เกิดปัญหากรณีที่ผู๎กระทําเป็น
574
HJ (Iran) v. Secretary of State for the Home Department and another action [2011] 1 AC596 (“ HJ (Iran)”); Vriend
v. Alberta [1998] 1 SCR 493 (“Vriend ”); Leung TC William Roy v. Secretary for Justice[2006] 4 HKLRD 211
(“Leung”); NazFoundation v. Government of NCT of Delhi and OthersWP(C) No 7455 of 2001 (2 July 2009) (“Naz
Foundation”); Perry v. Schwarzenegger 704 F Supp2d 921 (ND Cal 2010) (“Perry”); Sunil Babu Pant and
Others v. NepalGovernment, Office of the Prime Minister and Council of Ministers and Others[2008] NLJLJ 262 (“Sunil
Babu Pant ”); and The National Coalition for Gay and Lesbian Equality v. The South African Human Rights
Commission (1999) 1 SA 6 (“National Coalition”)
575 ประเด็นที่ศาลต๎องพิจารณาเกี่ยวกับมาตรา 377A ภายใต๎รัฐธรรมนูญมาตรา 12 นั้นมีสองประเด็นที่สําคัญคือ “(a)
whether the classification [adopted in s 377A] is founded on an intelligible differentia; and (b) whether
the differentia bears a rational relation to the object sought to be achieved by s 377A”

