Page 35 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 35

11


                         จากกรอบแนวคิดความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยด้านเหตุแห่งการเลือกปฏิบัติ และ มิติของการเลือก

                  ปฏิบัติ จะเห็นได้ว่า เมื่อมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน (Distinction  /  Differentiation)
                  เกิดขึ้น และน าข้อเท็จจริงดังกล่าวมาวิเคราะห์ภายใต้กรอบของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่ง

                  ประกอบด้วยปัจจัยทั้งสองดังกล่าวนั้น  จะท าให้สามารถจ าแนกว่ากรณีใดเป็นกรณีของการเลือกปฏิบัติ

                  โดยตรง หรือการเลือกปฏิบัติโดยอ้อม หรืออาจไม่ใช่การเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ การวิจัยนี้ขยายกรอบ
                  แนวคิดดังกล่าวออกไปอีก  เนื่องจากกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายต่างประเทศยังได้มีการก าหนด

                  หลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อพิจารณาว่าการปฏิบัตินั้นเป็นเพียงการปฏิบัติแตกต่างกันอันสามารถท าได้ หรือเป็น
                  การเลือกปฏิบัติซึ่งขัดต่อกฎหมาย   โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวมีตัวอย่างเช่น  หลักขอบแห่งดุลพินิจ (Margin

                  of  Appreciation)   การชั่งน้ าหนักกับผลประโยชน์อื่น  มาตรการยืนยันสิทธิเชิงบวก (Affirmative
                  Action)  เป็นต้น


                       เมื่อพิจารณาตามกรอบแนวคิดที่ขยายความออกมานี้ ท าให้สามารถจ าแนกสภาพข้อเท็จจริงหรือการ
                  ปฏิบัติที่มีปัญหาว่าจะเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่นั้น ได้สองกรณีคือ


                       (1) การปฏิบัตินั้นเป็นการปฏิบัติที่แตกต่างกัน แต่ยังไม่เข้าองค์ประกอบของการเลือกปฏิบัติตาม
                  กฎหมายสิทธิมนุษยชน


                       (2) การปฏิบัตินั้นเป็นการปฏิบัติที่แตกต่างกัน และเข้าองค์ประกอบของการเลือกปฏิบัติตามกฎหมาย
                  สิทธิมนุษยชน    ซึ่งโดยหลักแล้ว การปฏิบัติที่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติ (Discrimination)  นี้ จัดเป็นการ

                  ปฏิบัติที่ขัดต่อหลักความเสมอภาคหรือความเท่าเทียมกัน

                       ด้วยเหตุนี้ ประเด็นปัญหาส าคัญอันจะท าการศึกษาต่อไปก็คือ เมื่อมีการปฏิบัติที่แตกต่างกันขัดต่อ

                  หลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนแล้ว กฎหมายภายในของประเทศไทยมีการก าหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการ
                  ปฏิบัติแตกต่างกันซึ่งถือเป็น “การเลือกปฏิบัติ” อย่างไรบ้าง  รวมทั้งเกิดประเด็นค าถามส าหรับการวิจัยนี้

                  อีกหลายประเด็น เช่น กฎหมายที่มีผลบังคับอยู่ในปัจจุบันมีความเหมาะสมและเพียงพอแล้วหรือไม่กับการ

                  น ามาปรับใช้เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ที่ได้รับการปฏิบัติแตกต่างอันจัดอยู่ในความหมายของการเลือกปฏิบัติ
                  หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ บุคคลนั้นไม่ได้รับความเสมอภาคหรือเท่าเทียมกันนั่นเอง  โดยสามารถจ าแนกศึกษา

                  ปัญหาที่เกิดขึ้นในมิติต่างๆ ของการเลือกปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับรูปแบบของกฎหมาย
                  เกี่ยวกับการห้ามเลือกปฏิบัติและส่งเสริมหลักความเท่าเทียมกันในประเทศต่างๆ ว่า มีรูปแบบ ลักษณะ

                  องค์ประกอบ อย่างไร  และกฎหมายไทยที่มีผลบังคับใช้อยู่นั้น จัดอยู่ในรูปแบบใด และควรมีการปรับปรุง

                  พัฒนาอย่างไรหรือไม่

                      จากกรอบแนวคิดการวิจัยดังกล่าวข้างต้น อาจน ามาสร้างกรอบการศึกษาภายใต้ปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง

                  ดังจะเห็นได้จากแผนภาพดังต่อไปนี้
   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39   40