Page 267 - รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กฎหมายว่าด้วยความเสมอภาคและการไม่เลือกปฏิบัติ
P. 267
243
ขั้นแรก พิจารณาวํา กฎหมายนั้นปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันหรือไมํ หากผลการพิจารณาชี้วํา
กฎหมายนั้นไมํได๎ปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกัน กฎหมายนั้นก็ผํานเกณฑ์นี้ และไมํถือเป็นการเลือกปฏิบัติ แตํ
หากกฎหมายนั้นปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกัน ก็จะต๎องพิจารณาขั้นที่สองตํอไป
ขั้นที่สอง พิจารณาวํา กฎหมายที่ปฏิบัติตํอบุคคลแตกตํางกันนั้น อยูํบนพื้นฐานเหตุผลการจําแนก
ความแตกตํางที่ชอบหรือไมํ ในการนี้จะต๎องแยกพิจารณาเป็นสองกรณีคือ
กรณีแรก พิจารณาวํา การจําแนกความแตกตํางระหวํางบุคคลในกลุํมหนึ่งกับบุคคลที่อยูํนอกกลุํม
นั้น อยูํบนพื้นฐานเหตุผลที่สามารถเข๎าใจได๎หรือไมํ หากผลการพิจารณาชี้วํา ไมํอยูํบนพื้นฐานเหตุผลที่
เข๎าใจได๎ กฎหมายนั้นก็เป็นการเลือกปฏิบัติที่ขัดตํอรัฐธรรมนูญ แตํหากอยูํบนพื้นฐานเหตุผลที่เข๎าใจได๎ ก็
จะต๎องพิจารณาในกรณีที่สองตํอไป
กรณีที่สอง พิจารณาวํา การปฏิบัติที่แตกตํางกันนั้นมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ที่ต๎องการบรรลุ
หรือไมํ หากผลการพิจารณาชี้วํา มีความสัมพันธ์กัน หรืออาจกลําวได๎วํากฎหมายซึ่งเป็นวิธีการในการบรรลุ
เปูาหมายนั้นได๎สัดสํวนกับเปูาหมายที่ต๎องการบรรลุ กฎหมายนั้นก็ผํานเกณฑ์นี้ และไมํถือเป็นการเลือก
ปฏิบัติ แตํหากกฎหมายนั้นไมํมีความสัมพันธ์กับวัตถุประสงค์ที่ต๎องการบรรลุ กฎหมายนั้นก็ไมํผํานเกณฑ์
กลําวคือ เป็นการเลือกปฏิบัติที่ขัดตํอรัฐธรรมนูญ
ประธานศาลสูงสุด (Yong Pung How) ได๎อธิบายไว๎ด๎วยวํา กฎหมายหรือมาตรการที่ไมํผํานเกณฑ์
การพิจารณานี้ เรียกวํา “การเลือกปฏิบัติ” (Discrimination) ที่ขัดตํอรัฐธรรมนูญ แตํหากกฎหมายหรือ
มาตรการนั้นผํานเกณฑ์การพิจารณาดังกลําว ก็จะเป็นเพียงแคํ “การปฏิบัติที่แตกตํางกัน”
(Differentiation) ซึ่งไมํขัดตํอรัฐธรรมนูญ
4.3.6 วิเคราะห์รูปแบบและโครงสร้างการก าหนดหลักการห้ามเลือกปฏิบัติ
จากการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับความเทําเทียมกันและการห๎ามเลือกปฏิบัติทั้งกรณีกฎหมาย
ระหวํางประเทศ กฎหมายตํางประเทศ และกฎหมายไทย จะเห็นรูปแบบโครงสร๎างที่สําคัญดังนี้