Page 83 - รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
P. 83
(๓) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นแจ้งผลด�าเนินการว่า กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นมีหนังสือถึงผู้ว่า
ราชการจังหวัดทุกจังหวัด ให้แจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนในสังกัดก�าหนดมาตรการเพื่อ
ป้องกันไม่ให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมในการเข้ารับการศึกษาของผู้ติดเชื้อเอชไอวี หรือบุตรของผู้ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อ
ไม่ให้เกิดกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามค�าร้องเรียนอีก และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมและสร้างความเข้าใจ
ด้านผู้ติดเชื้อเอดส์/เอชไอวี เพื่อลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติพร้อมทั้งประชาสัมพันธ์และให้ความเข้าใจเรื่องการอยู่ร่วม
กันอย่างมีความสุขและถูกวิธี ไม่แบ่งแยกการปฏิบัติต่อผู้ป่วยเพื่อสร้างความเข้าใจและปรับทัศนคติกับประชาชนทั่วไป
(๔) กรมกิจการเด็กและเยาวชน แจ้งผลด�าเนินการว่า ได้แจ้งมาตรการการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ของ กสม. ไปยังบ้านพักเด็กและครอบครัวทุกแห่งแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลในการปฏิบัติงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.
๒๕๔๖
(๕) กรมควบคุมโรคแจ้งผลด�าเนินการว่า คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ได้มี
ประกาศลงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๐ เรื่อง นโยบายการไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้มีเชื้อเอชไอวีในการสมัคร การคัดเลือก และ
การเรียนหรือศึกษาต่อในสถานศึกษา โดยประกาศฉบับดังกล่าวได้ก�าหนดแนวปฏิบัติให้สถานศึกษาไม่เลือกปฏิบัติในการรับ
ผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าศึกษาต่อ และห้ามเปิดเผยข้อมูลผู้ติดเชื้อให้แก่บุคคลอื่น อีกทั้งให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้
ความเข้าใจเรื่องเอดส์ที่ถูกต้อง ปลูกฝังเจตคติเชิงบวกต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี และจัดให้มีกลไกการคุ้มครองสิทธิแก่เด็กนักเรียน
ที่มีเชื้อเอชไอวี อีกทั้งให้สถานศึกษามีระบบรายงานเมื่อเกิดกรณีมีการรังเกียจหรือเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ เพื่อให้สามารถ
ติดตามสถานการณ์และการด�าเนินงานแก้ไขปัญหา
กรณีที่ ๑๑ การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งเพศ กรณีกล่าวอ้างว่านิสิต
นักศึกษาที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหรือวิถีทางเพศไม่ตรงกับเพศก�าเนิดถูกบังคับให้ไว้ทรงผม
และแต่งกายตามเพศก�าเนิดในการเข้าเรียน การเข้าสอบวัดผล การฝึกปฏิบัติงาน และการ
เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
ประเด็นร้องเรียน
ผู้ร้องจ�านวน ๒ ราย ได้ร้องเรียนขอให้ตรวจสอบกรณีกล่าวอ้าง
ว่า ผู้ร้องเป็นนิสิตนักศึกษาที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหรือวิถีทางเพศไม่ตรงกับ
เพศก�าเนิดถูกบังคับให้ไว้ทรงผม และแต่งกายตามเพศก�าเนิดในการเข้า
เรียน การเข้าสอบวัดผล การฝึกปฏิบัติงาน และการเข้ารับพระราชทาน
ปริญญาบัตร โดยผู้ร้องที่ ๑ ร้องเรียนว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
(ผู้ถูกร้องที่ ๑) ไม่อนุญาตให้นักศึกษาชายที่มีเพศวิถีเป็นหญิงแต่งชุดครุย
วิทยฐานะบัณฑิตหญิงเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ผู้ร้องที่ ๒ ร้อง
เรียนว่า มหาวิทยาลัยพะเยา (ผู้ถูกร้องที่ ๑) ห้ามไม่ให้แต่งกายตามเพศ
วิถีของตนในการเข้าเรียน การเข้าสอบวัดผล และการฝึกปฏิบัติงาน อีก
ทั้งมหาวิทยาลัยพะเยาได้ออกประกาศ เรื่อง การแต่งกายส�าหรับผู้เข้ารับ
พระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยก�าหนดให้บัณฑิตชายไว้ทรง
ผมและแต่งกายตามเพศก�าเนิดเท่านั้น จึงเห็นว่าการกระท�าของผู้ถูกร้อง
ทั้งสองเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลเพราะเหตุแห่งเพศและขัดต่อ
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘
82 | รายงานผลการปฏิบัติงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประจ�าปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐