Page 68 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 68

บทที่ ๒ การประเมินสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐




                  นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชน ท�าให้รัฐมีพันธกรณี (obligation)
            ในการเคารพ (respect) การคุ้มครอง (protect) และการด�าเนินการอื่นใดที่จ�าเป็นเพื่อให้เกิดสิทธิและเสรีภาพต่าง ๆ
            (fulfill) ตามที่รับรองไว้ในสนธิสัญญา อย่างไรก็ตาม โดยที่ประเทศไทยใช้ระบบกฎหมายแบบทวินิยมเป็นหลัก ท�าให้
            จ�าเป็นต้องอนุวัติการกฎหมายภายในประเทศไทย เพื่อการเชื่อมโยงเนื้อหา หลักการ และคุณค่าของกฎหมายระหว่าง

            ประเทศมาใช้บังคับ  ทั้งนี้  การที่กฎหมายไทยจ�านวนหนึ่งไม่สอดคล้องหรือรองรับสนธิสัญญาหลักด้าน
            สิทธิมนุษยชนโดยตรงนั้น จึงจ�าเป็นต้องมีบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่สอดคล้องพร้อมก�าหนดให้รัฐต้องปฏิบัติ
            ตามสนธิสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเกี่ยวข้อง


            ๒. สิทธิและเสรีภาพที่ได้รับประกันตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
            พุทธศักราช ๒๕๔๐ ถึง พุทธศักราช ๒๕๖๐



                  แนวคิดเรื่องสิทธิและเสรีภาพนั้นปรากฏเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ๑๗   บทที่

            จากนั้น ได้มีการบัญญัติรับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชนไว้ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย   ๒
            พุทธศักราช ๒๕๔๐ ได้บัญญัติรับรองและขยายสิทธิและเสรีภาพของประชาชนออกไปอย่างกว้างขวาง ต่อมา รัฐธรรมนูญ
            แห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้บัญญัติการคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพของประชาชนในบางเรื่องเพิ่มเติม
            จากฉบับก่อนหน้า โดยแก้ไขข้อจ�ากัดจากการน�าบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐

            ที่ท�าให้การประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชนยังไม่เกิดผลในทางปฏิบัติ เนื่องจากการบัญญัติกฎหมายรองรับสิทธิตาม
            รัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างล่าช้า โดยตัดข้อความ “ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายบัญญัติ” ออกจากบทบัญญัติในมาตราต่าง ๆ (มากกว่า
            ๒๐ มาตรา) เพื่อให้เกิดสภาพและข้อผูกพันของรัฐในการประกันสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญโดยทันที
                  ทั้งนี้ หลังจากที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศยึดอ�านาจการปกครองประเทศ เมื่อวันที่ ๒๒

            พฤษภาคม ๒๕๕๗ ได้ประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐  และประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
                                                                                      ๑๘
            แห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ โดยให้มีผลบังคับใช้ในทันที และได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่าง
            รัฐธรรมนูญ (กมธ.) จ�านวน ๓๖ คน เพื่อร่างรัฐธรรมนูญ โดยภายหลังจากที่น�าเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
            พุทธศักราช .... ต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มีมติไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวทั้งฉบับ ส่งผลให้ สปช. และ กมธ.

            สิ้นสุดลง
                  ต่อมา คสช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานกรรมการ และ
            กรรมการอื่นอีก ๒๐ คน ให้ท�าหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ก�าหนดให้วันที่ ๗ สิงหาคม
            ๒๕๕๙ เป็นวันออกเสียงประชามติ โดยผลจากการลงประชามติในประเด็นที่ ๑ (การแสดงความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฯ

            ทั้งฉบับหรือไม่) มีคะแนนเสียงเห็นชอบ ๑๖,๘๒๐,๔๐๒ เสียง (คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๓๕) และในประเด็นที่ ๒ (ค�าถามพ่วง
            ที่ให้สมาชิกวุฒิสภาสรรหาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกตั้ง ในช่วง ๕ ปีแรก) มีคะแนนเสียง
            เห็นชอบ ๑๕,๑๓๒,๐๕๐ (คิดเป็นร้อยละ ๕๘.๐๗)  ส่งผลให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
                                                       ๑๙
            ได้รับการประกาศใช้เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐

                  สาระส�าคัญในการประกันสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
            พุทธศักราช ๒๕๔๐ จนถึงพุทธศักราช ๒๕๖๐ สรุปได้ ดังนี้




            ๑๗  มาตรา ๑๒ ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญนี้ บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย ฐานันดร-ศักดิ์โดยก�าเนิดก็ดี โดยแต่งตั้งก็ดี หรือโดยประการอื่นใดก็ดีไม่กระท�าให้เกิดเอกสิทธิอย่างใดเลย. ส�านักงาน
               คณะกรรมการกฤษฎีกา. (๒๕๖๐). รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕. สืบค้นจาก http://web.krisdika.go.th/data/law/law1/%C306/%C306-10-2475-a0002.pdf
            ๑๘  คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.). (๒๕๖๐). ประกาศ คสช. ฉบับที่ ๕/๒๕๕๗ เรื่อง การสิ้นสุดชั่วคราวของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และประกาศ คสช. ฉบับที่ ๑๑/๒๕๕๗ เรื่อง
               การสิ้นสุดของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย. สืบค้นจาก http://library2.parliament.go.th/giventake/content_ncpo/ncpo-annouce5-2557.pdf
            ๑๙  ไทยพับลิก้า. (๒๕๖๐). กกต.รับรองผลประชามติอย่างเป็นทางการ “ประยุทธ์” เผยบันได ๓ ขั้นสู่การเลือกตั้ง-คาด ๔ เหตุหล “โหวตเยส” ชนะขาด. สืบค้นจาก http://thaipublica.
               org/2016/08/referendum-15/


                                                                                คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  | 67
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73