Page 72 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2560
P. 72
บทที่ ๒ การประเมินสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
หมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ เป็นความพยายามและการยืนยันเจตนารมณ์ที่ส�าคัญของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เนื่องจากมี
การทบทวนรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาแล้วพบว่า มีสิทธิบางอย่างที่เขียนไว้ในหมวดสิทธิและเสรีภาพ แต่มิได้ถูกน�ามาปฏิบัติจริง
จึงก�าหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐที่ต้องด�าเนินการ และก่อให้เกิดสิทธิของประชาชนและชุมชนในการติดตามเร่งรัดการด�าเนินการต่าง ๆ
รวมถึงก่อตั้งสิทธิในการฟ้องร้องหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องหากไม่มีการด�าเนินการดังกล่าว หมวดหน้าที่ของรัฐจึงเป็น
หลักประกันให้แก่ประชาชน โดยรัฐต้องด�าเนินการตามบทบัญญัติในหมวดดังกล่าว ให้ครบถ้วน โดยเหมาะสมกับสถานะ
ทางการเงินและการคลังของประเทศ เพื่อท�าให้เกิดสิทธิของประชาชนที่จะได้รับประโยชน์จากรัฐอย่างแท้จริง ๒๕
หมวด ๖ แนวนโยบายแห่งรัฐ เป็นแนวทางให้รัฐด�าเนินการตรากฎหมายและก�าหนดนโยบายในการบริหาร
ราชการแผ่นดิน ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติให้รัฐพึงจัดให้มียุทธศาสตร์ชาติเพื่อ
เป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืนตามหลักธรรมาภิบาล ให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมให้ความคุ้มครองชาวไทย
กลุ่มชาติพันธุ์ให้มีสิทธิด�ารงชีวิตในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณีวิถีชีวิตดั้งเดิมอย่างสงบสุข โดยในหมวดนี้ได้ก�าหนดให้ก่อน
ตรากฎหมาย รัฐพึงจัดให้รับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้าน บทที่
รวมถึงเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ต่อประชาชน โดยน�ามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการ ๒
ตรากฎหมายทุกขั้นตอนและเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย โดยรับฟัง
ความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะท�าให้พัฒนาการของกระบวนการการออกกฎหมายของประเทศไทยมีความก้าวหน้าไปอีก
ขั้นหนึ่ง เมื่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ บัญญัติรับรองเรื่องดังกล่าวไว้ในมาตรา ๗๗ ๒๖
นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ยังก�าหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจ�านวนไม่น้อย
กว่าหนึ่งหมื่นคนเข้าชื่อเสนอกฎหมายตามหมวด ๓ สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย หรือหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
ซึ่งเป็นหลักการเดียวกันกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และ ๒๕๕๐ แต่มีความแตกต่างที่ว่า
การก�าหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ในหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยหรือ
หมวดหน้าที่ของรัฐ มิใช่หมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๕๐ และพุทธศักราช ๒๕๔๐
ข้อสังเกต
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ให้การประกันสิทธิ เสรีภาพของบุคคลแม้มิได้บัญญัติเป็น
การเฉพาะไว้ในรัฐธรรมนูญก็ตาม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญก�าหนด ทั้งนี้แม้สิทธิ เสรีภาพใดที่รัฐธรรมนูญก�าหนด
ให้เป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่มิได้มีการตรากฎหมายดังกล่าว บุคคลหรือชุมชนก็สามารถใช้สิทธิเสรีภาพนั้นได้ตาม
เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เห็นได้ว่าในหลักการเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้
มุ่งให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลเป็นหลัก และให้การจ�ากัดสิทธิเสรีภาพของบุคคลนั้นเป็นข้อยกเว้น
และเพื่อให้หลักการในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพดังกล่าว สัมฤทธิ์ผลในทางปฏิบัติ รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงได้บัญญัติหมวด
หน้าที่ของรัฐขึ้นมา โดยได้น�าสิทธิเสรีภาพบางประการในหมวดสิทธิและเสรีภาพ และบางส่วนในหมวดแนวนโยบาย
๒๕ ประธานคณะกรรมาธิการฯ แสดงเหตุผลในการแปรเปลี่ยนไปของสิทธิและเสรีภาพในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ส�าหรับกรณีที่เป็นสิทธิเฉพาะตัวของประชาชน เช่น เสรีภาพในการแสดง
ความคิดเห็น และสิทธิในการอยู่อาศัย ยังคงบัญญัติไว้ในหมวดสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย แต่ในกรณีที่เป็นสิทธิประโยชน์ที่ทุกคนควรได้รับ ได้บัญญัติไว้ในหมวดหน้าที่ของรัฐ.
๒๖ มาตรา ๗๗ รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จ�าเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมาย ที่หมดความจ�าเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการด�ารงชีวิตหรือการประกอบ
อาชีพ โดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และด�าเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่าง
ถูกต้อง
ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผล
การรับฟังความคิดเห็น และการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และน�ามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผล
สัมฤทธิ์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาที่ก�าหนด โดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อพัฒนากฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสม กับบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป
รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จ�าเป็น พึงก�าหนดหลักเกณฑ์ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐและระยะเวลาในการด�าเนินการตาม
ขั้นตอนต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้ ในกฎหมายให้ชัดเจน และพึงก�าหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง.
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | 71