Page 21 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง พันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประชาคมอาเซียน
P. 21

๑) การพัฒนาตราสารที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนของอาเซียนหลายฉบับเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการตรากฎบัตร

          อาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ (มีผลใช้บังคับในปี พ.ศ. ๒๕๕๑) และตราสารต่าง ๆ ที่ได้ท�าการแสดงรายชื่อไว้ ได้รับการพัฒนา
          ตามเหตุผลและความจ�าเป็นเฉพาะด้านตามแต่ละกรณี  เช่น  เพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันการก่อการร้าย  หรือปัญหาการ

          ค้ามนุษย์ โดยเป็นการพิจารณาแยกส่วนมิใช่ในองค์รวม เนื่องจากยังขาดหลักการหรือตราสารในด้านสิทธิมนุษยชนในภาพ
          รวมที่จะเป็นจุดเกาะเกี่ยวเพื่อให้สามารถพิจารณาความเชื่อมโยงของแต่ละประเด็นหรือเอื้อให้มีการวางแผนอย่างเป็น
          ระบบได้ นอกจากนั้น ตราสารต่าง ๆ ทั้ง ๒๔ ฉบับเป็นตราสารทางการเมืองที่มิได้พัฒนาบนหลักการสิทธิมนุษยชน (Human

          rights-based approach) แต่ตั้งอยู่บนหลักความมั่นคง (Security) ของภูมิภาค อาทิ ปัญหาการก่อการร้าย หรือหลักการ
          ทางสังคมและเศรษฐกิจ เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อมและแรงงานข้ามชาติ เป็นต้น ซึ่งทิศทางนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา
          หลังจากที่กฎบัตรอาเซียนมีผลใช้บังคับแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการตราปฏิญญาสิทธิมนุษยชนอาเซียนในปี พ.ศ.

          ๒๕๕๒ แล้ว
                  ๒) เมื่อจ�าแนกหมวดหมู่ของตราสารทั้ง ๒๔ ฉบับออกตามประเด็นที่ปรากฏในตราสารหลักด้านสิทธิมนุษยชน
          ระหว่างประเทศ ๙ ฉบับ พบว่ามีหลายประเด็นที่อาเซียนยังมิได้พัฒนาตราสารร่วมกันในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะประเด็น

          การขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ (Racial discrimination) สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (Civil & political
          rights) การต่อต้านการทรมาน (Prevention of torture) และการป้องกันบุคคลจากการสูญหายโดยบังคับ (Enforced

          disappearance) ซึ่งน่าจะมีสาเหตุหลักนอกเหนือจากประเด็นที่ว่ากลไกอาเซียนด้านสิทธิมนุษยชนเพิ่งมีการพัฒนาในปี
          พ.ศ.  ๒๕๕๒ อาจมาจากกรณีที่ว่าประเทศสมาชิกยังไม่สามารถสร้างฉันทามติร่วมกันในประเด็นต่าง ๆ ดังกล่าว
                  ๓) ประเด็นที่มีการพัฒนาตราสารสิทธิมนุษยชน (ทางการเมือง) มากที่สุด คือ ประเด็นด้านเด็กและสตรี ซึ่ง

          น่าจะเกิดจากสาเหตุสองประเด็น คือ ประเด็นด้านเด็กและสตรีถือเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวน้อยกว่าประเด็นอื่น และ
          ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศต่างได้ให้สัตยาบันอนุสัญญาด้านสิทธิเด็ก (CRC) และสิทธิสตรี (CEDAW) และ

                  ๔) ตราสารที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนที่ได้รวมรวมไว้หลายฉบับได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในด้านสถานะหรือ
          เนื้อหา โดยบางฉบับได้กลายเป็นตราสารที่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย เช่น ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์
          โดยเฉพาะในสตรีและเด็ก (ASEAN Declaration against Trafficking in Persons Particularly Women and

          Children) ซึ่งได้มีการพัฒนามาเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (ACTIP) ซึ่งมีสถานะ
                                           1
          เป็นสนธิสัญญาที่ผลผูกพันทางกฎหมาย หรือได้มีการยกระดับจากการเป็นตราสารที่พัฒนาโดยองค์กรระดับรัฐมนตรี
          มาเป็นตราสารระดับภูมิภาคที่รับรองโดยที่ประชุมผู้น�าอาเซียน  เช่น  กรณีปฏิญญาว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรี

          และเด็กในอาเซียน ซึ่งรับรองโดยที่ประชุมผู้น�าอาเซียนที่กรุงบันดาร์เสรีเบการ์วัน ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ มีที่มาจากปฏิญญา
          อาเซียนว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Declaration on the Elimination of Violence
          Against Women in the ASEAN Region) ซึ่งรับรองโดยที่ประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอาเซียน (AMM)

          ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นต้น
                  ส�าหรับตราสารทางกฎหมายหรือที่เรียกในทางกฎหมายระหว่างประเทศว่า “สนธิสัญญา” หรือ Hard law

          จากการตรวจสอบพบว่า อาเซียนได้มีการพัฒนาตราสารด้านสิทธิมนุษยชนของภูมิภาคเพื่อสร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน





                 1
                   แต่ยังไม่มีผลใช้บังคับเนื่องจากยังต้องรอการให้สัตยาบันโดยสมาชิกอาเซียน  ๖  ประเทศ  ตามข้อ  ๒๙  (a)  แห่งอนุสัญญา
         ดังกล่าว


       20
               ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26