Page 28 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 28
ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม
เพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สิทธิส่วนใหญ่ที่พบในอนุสัญญาว่าด้วยสิ่งแวดล้อม ได้แก่ สิทธิเชิงกระบวนการ โดยตัวอย่างแห่งสิทธิที่
ปรากฏอยู่ชัดเจนในอนุสัญญาว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การมีส่วนร่วมสาธารณะในการตัดสินใจ และการเข้าถึง
ความยุติธรรมในคดีสิ่งแวดล้อม ค.ศ. ๑๙๙๘ (Aarhus Convention 1998) ซึ่งได้จัดท�าขึ้นโดยสมาชิกในสหภาพยุโรป
ณ เมืองอาฮัส ประเทศเดนมาร์ก สิทธิเชิงกระบวนการในอนุสัญญาฉบับนี้ที่ได้ประกันไว้ ได้แก่ สิทธิในการเข้าถึงข้อมูล
ด้านสิ่งแวดล้อม (Right to Access to Information) สิทธิในการมีส่วนร่วมของสาธารณะในกระบวนการตัดสินใจด้าน
สิ่งแวดล้อม (Right to Public Participation in Decision - making) และสิทธิในการเข้าถึงความยุติธรรมด้านสิ่งแวดล้อม
(Right to Environmental Justice) นอกจากนี้ สิทธิเชิงกระบวนการยังพบในอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศ และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นต้น
ส�าหรับสิทธิเชิงเนื้อหานั้น จะปรากฏในลักษณะของหลักการ โดยถูกกล่าวถึงไว้อย่างชัดเจนในปฏิญญา
กรุงสตอกโฮล์ม ซึ่งมีใจความว่า “มนุษย์มีสิทธิในเสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และคุณภาพชีวิตที่ดีเพียงพอในสิ่งแวดล้อมที่
มีคุณภาพ” (Man has the Fundamental Right to Freedom, Equality and Adequate Conditions of Life, in
an Environment of a Quality that Permits a Life of Dignity and Well-Being…) และในปฏิญญากรุงริโอได้มีการ
กล่าวถึงสิทธิของมนุษย์ในสิ่งแวดล้อมเช่นกัน แต่จะผูกโยงการพัฒนาสิ่งแวดล้อมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดการพัฒนา
ที่ยั่งยืน และมีการกล่าวถึงสิทธิของชนรุ่นหลังในสิ่งแวดล้อมไว้ด้วย ทั้งนี้ สิทธิเชิงเนื้อหาตามที่ปรากฏในอนุสัญญาว่าด้วย
สิ่งแวดล้อมนั้น ส่วนใหญ่จะปรากฏในลักษณะถูกอ้างอิงเป็นหลักการพื้นฐานมากกว่าที่จะก�าหนดให้เป็นพันธกรณีของ
รัฐภาคีโดยตรง
ด้วยพัฒนาการของกฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศข้างต้น ท�าให้เกิดสิทธิที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมมากมาย
ทั้งสิทธิเชิงเนื้อหา และสิทธิเชิงกระบวนการอันเป็นพาหนะขับเคลื่อนเพื่อน�าไปสู่สิทธิเชิงเนื้อหา นอกจากนี้ นักวิชาการ
ด้านสิ่งแวดล้อมยังนิยมน�าการคุ้มครองสิทธิในมิติของสิทธิมนุษยชนมาใช้เอื้อประโยชน์ต่อการคุ้มครองสิทธิที่เกี่ยวกับ
สิ่งแวดล้อมด้วย ในขณะเดียวกัน นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมก็นิยมน�าประเด็นสิทธิมนุษยชนมาใช้อ้างอิงเพื่อชูประเด็น
การปกป้องสิ่งแวดล้อมด้วย
๑.๑.๔ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม: กรณีประเทศไทย
ส�าหรับกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ในช่วงแรก พบว่ามีข้อร้องเรียนจากชาวบ้านเกี่ยวกับการ
เข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติประเภทต่าง ๆ ทั้งในกรณีที่รัฐไม่จัดโครงสร้างแห่งสิทธิและการกระจายอ�านาจ กรณีที่รัฐเป็น
ผู้สนับสนุนกลุ่มทุนให้ใช้สิทธิจนมีผลกระทบต่อชุมชน ตลอดจนกรณีที่รัฐเป็นคู่ขัดแย้งกับชุมชนเองในการใช้ดุลยพินิจและ
การใช้กฎหมาย ข้อเรียกร้องที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องน�าไปสู่ข้อสรุปว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงแนวคิดเรื่องสิทธิของชุมชนกับ
ฐานทรัพยากรธรรมชาติ
ต่อมา รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช ๒๕๕๐ ได้บัญญัติถึง “สิทธิชุมชน” ในฐานะ “สิทธิเชิงกลุ่ม (Collective Rights) ไว้อย่างชัดเจนในระดับหลัก
การ โดยเป็นการให้สิทธิแก่ชุมชนในการมีส่วนร่วมกับรัฐในการจัดการ บ�ารุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ
อย่างสมดุลและยั่งยืน แต่รัฐธรรมนูญทั้งสองฉบับยังไม่ได้บัญญัติเรื่อง “สิทธิในสิ่งแวดล้อม (Right to Environment)” ใน
ฐานะ “สิทธิเชิงปัจเจก (Individual Rights)” แต่อย่างใด แม้ว่าจะมีความพยายามในการตีความไปในลักษณะดังกล่าว
อย่างไรก็ดี การสนับสนุนให้ประชาชนสามารถด�ารงชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีก็ยังได้รับการบรรจุอยู่ใน
บทบัญญัติของกฎหมาย แต่อยู่ในฐานะที่เป็นเป้าประสงค์หรือเงื่อนไขของสิทธิตัวอื่น กรณีเป็นเป้าหมายของสิทธิ ได้แก่
27