Page 27 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 27
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
Economic, Social and Cultural Rights - ICESCR)
• อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Convention on the Elimination
of All Forms of Discrimination Against Women - CEDAW)
• พิธีสารเลือกรับอนุสัญญาว่าด้วยการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ (Optional Protocol to the
CEDAW)
• อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child - CRC)
• พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่อง การขายเด็ก การค้าประเวณี และสื่อลามกเกี่ยวกับเด็ก
(Optional Protocol to the CRC on the Sale of Children, Child Prostitution and Child
Pornography)
• พิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เรื่อง ความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งกันด้วยก�าลัง
อาวุธ (Optional Protocol to the CRC on the Involvement of Children in Armed Conflicts)
• อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกประติบัติทางเชื้อชาติในทุกรูปแบบ (Convention on the
Elimination of All Forms of Racial Discrimination - CERD)
• อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม
หรือที่ย�่ายีศักดิ์ศรี (Convention Against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading
Treatment or Punishment - CAT)
• อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ (Convention on the Rights of Persons with Disabilities - CRPD)
นอกจากบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ และพันธกรณีตามเอกสารระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่
ประเทศไทยมีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามแล้ว จารีตประเพณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวด้วยสิทธิมนุษยชน หลักกฎหมาย
ทั่วไป ข้อมติ ค�าวินิจฉัยขององค์การระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน อันเป็นที่มาของกฎหมายระหว่างประเทศ และที่
อยู่ในระดับที่นักวิชาการเรียกว่า Soft law ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ที่มีแนวโน้มที่จะพัฒนาเป็นกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะ
นานาประเทศต่างเห็นว่าเป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติ (law as it should be) เหล่านี้ก็สามารถน�ามาเป็นแนวทางในการคุ้มครอง
สิทธิมนุษยชนภายในประเทศได้อย่างครอบคลุม ด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว
๑.๑.๓ การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในมิติของสิทธิมนุษยชน: ระดับสากล
ในระดับกติกาสากลระหว่างประเทศนั้น การคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเริ่มมีพัฒนาการที่เด่นชัดเมื่อมีการจัดท�า
ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ ค.ศ. ๑๙๗๒ ณ กรุงสตอกโฮล์ม (ปฏิญญากรุงสตอกโฮล์ม) ซึ่งได้กล่าวถึง
ความส�าคัญของสิ่งแวดล้อมและสิทธิของมนุษย์ในสิ่งแวดล้อมเป็นครั้งแรก และในอีก ๒๐ ปีต่อมา จึงเกิดมีปฏิญญาสากล
อีกฉบับที่วางหลักการเกี่ยวกับการจัดการและการพัฒนาสิ่งแวดล้อม กล่าวคือ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการ
พัฒนา ค.ศ. ๑๙๙๒ ณ กรุงริโอ เดอ จาเนโร (ปฏิญญากรุงริโอ) ปฏิญญาสากลทั้ง ๒ ฉบับนี้ได้วางกรอบแนวคิดส�าคัญ
เกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และเป็นปฏิญญาตั้งต้นอันน�ามาซึ่งพัฒนาการในการคุ้มครองหรือจัดการสิ่งแวดล้อมทาง
กฎหมายระหว่างประเทศในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ในการพิจารณาเรื่องการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในมิติของ “สิทธิ” จ�าต้องค�านึงถึงสิทธิทั้งสองประเภท
ได้แก่ สิทธิเชิงเนื้อหา (Substantive Rights) และสิทธิเชิงกระบวนการ (Procedural Rights)
26