Page 163 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 163
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
ในเรื่องอ�านาจฟ้องนั้น โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ มีอ�านาจฟ้อง แต่โจทก์ที่ ๓ ถึงที่ ๑๙ ไม่มีอ�านาจฟ้อง กล่าวคือ
โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ในการคุ้มครอง ดูแล และบ�ารุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๙๐ พระราชบัญญัติสภาต�าบล
และองค์การบริหารส่วนต�าบล พ.ศ. ๒๕๓๗ มาตรา ๒๓ พระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. ๒๕๔๐
มาตรา ๔๕ จึงมีอ�านาจฟ้องขอให้ศาลมีค�าสั่งห้ามมิให้จ�าเลยที่ ๔ และที่ ๕ กระท�า หรือขอให้บังคับจ�าเลยที่ ๔ และ
ที่ ๕ ปรับปรุงแก้ไขหาดมาหยาให้กลับคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติได้ ซึ่งรวมทั้งฟ้องจ�าเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ที่มี
ค�าสั่งอนุญาตให้จ�าเลยที่ ๔ และที่ ๕ เข้าไปถ่ายท�าภาพยนตร์ได้ด้วย
ส่วนกรณีของโจทก์ที่ ๓ ถึงที่ ๑๙ ซึ่งไม่มีอ�านาจฟ้องนั้น การที่โจทก์ที่ ๓ ถึงที่ ๑๙ อ้างว่าตนเป็น
บุคคลในชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมของจังหวัดกระบี่ จึงมีอ�านาจฟ้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๔๐ มาตรา ๔๖ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ค�าว่า “ชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม” ยังไม่มีค�านิยาม ความหมาย หรือขอบเขตที่
แน่นอน ทั้งบทบัญญัติมาตรานี้มีเงื่อนไขที่ต้องมีกฎหมายบัญญัติออกมาตามมาตรานี้ เมื่อในขณะที่โจทก์ที่ ๓ ถึงที่
๑๙ ฟ้อง ยังไม่มีกฎหมายบัญญัติออกมาใช้บังคับ ดังนั้น ยังไม่อาจถือได้ว่ามีการโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของ
โจทก์ที่ ๓ ถึงที่ ๑๙ แล้ว โจทก์ที่ ๓ ถึงที่ ๑๙ จึงยังไม่มีอ�านาจฟ้อง และไม่มีสิทธิฎีกาด้วย
นอกจากเรื่องอ�านาจฟ้องแล้ว ในเรื่องค�าขอให้วินิจฉัยค�าสั่งนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ค�าสั่งทางปกครองที่
เจ้าหน้าที่ออกค�าสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอาจถูกเพิกถอนได้ แต่ส�าหรับคดีนี้ โจทก์ที่ ๑ และที่ ๒ ฟ้องคดีว่า
ค�าสั่งทางปกครองของจ�าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ ที่อนุญาตให้จ�าเลยที่ ๔ เข้าไปถ่ายภาพยนตร์บริเวณอ่าวมาหยา ไม่ชอบ
ด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะ ขอให้เพิกถอน ก็เพื่อมิให้จ�าเลยที่ ๔ และที่ ๕ เข้าไปถ่ายท�าภาพยนตร์ในบริเวณหาด
มาหยา แต่เมื่อจ�าเลยที่ ๕ เข้าไปถ่ายท�าภาพยนตร์ตามใบอนุญาตเสร็จเรียบร้อยจนน�าออกฉายทั่วโลกแล้ว
การเพิกถอนค�าสั่งของจ�าเลยที่ ๑ ถึงที่ ๓ จึงไม่บังเกิดผลในทางปฏิบัติแต่อย่างใด ดังนั้น ค�าขอข้อ ๑ และข้อ ๓ จึง
ไม่มีประโยชน์ที่จะพิจารณาต่อไป
162

