Page 167 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
P. 167
ส�ำนักงำนคณะกรรมกำรสิทธิมนุษยชนแห่งชำติ
และรัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือทรัพยากรที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตบนและใต้ไหล่ทวีปดังกล่าวโดยที่รัฐไม่จ�าต้องประกาศ
หรือกล่าวอ้างเขตไหล่ทวีปแต่ประการใด และแม้กระทั่งเขตเศรษฐกิจจ�าเพาะซึ่งรัฐส่วนใหญ่กล่าวอ้างก็เป็นที่ยุติว่า
รัฐชายฝั่งมีทั้งสิทธิอธิปไตยเหนือทรัพยากรธรรมชาติทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตในห้วงน�้า บนพื้นดิน ห้วงทะเลและดินใต้ผิวน�้า
ของเศรษฐกิจจ�าเพาะ ตลอดจนมีเขตอ�านาจเหนือการสร้างเกาะเทียมหรือสิ่งติดตั้งเหนือการควบคุมภาวะมลพิษ และ
เหนือการวิจัยวิทยาศาสตร์ทางทะเลในเขตเศรษฐกิจจ�าเพาะ ตลอดจนมีสิทธิอื่น ๆ ที่กฎหมายระหว่างประเทศอนุญาตไว้
เช่น การปราบปรามการกระท�าอันเป็นโจรสลัด การขนส่งทาส หรือการกระจายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากชายฝั่ง
ทะเล เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับว่า ระยะเวลาที่ยาวนานของการถือ
ปฏิบัติของรัฐย่อมเพียงพอที่จะก่อให้เกิดพันธกรณีต่อกันและกันได้ เช่น ในคดี Right of Passage Over Indian Territory
( โปรตุเกส v. อินเดีย ) ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศกล่าวว่า การที่ทั้งอังกฤษและอินเดียซึ่งได้รับเอกราชจากอังกฤษ ต่างก็
ยอมรับอ�านาจอธิปไตยในข้อเท็จจริงและโดยปริยาย ของโปรตุเกสและการผ่านไปมายังดินแดนปิดล้อมของโปรตุเกส ก็ถือ
ปฏิบัติกันมาระหว่างรัฐที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ อังกฤษ อินเดีย และโปรตุเกส โดยไม่มีการโต้แย้งคัดค้านแต่ประการใดเป็นเวลา
ยาวนานถึง ๑๒๕ ปี ย่อมแสดงให้เห็นว่า การถือปฏิบัติระหว่างรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นเวลายาวนานและต่อเนื่องนั้น เพียงพอที่
จะก่อให้เกิดสิทธิและพันธกรณีซึ่งกันและกันตามกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว
(๒) การยอมรับว่าเป็นกฎหมาย (Opinio Juris Sive Necessitates)
รัฐทั้งหลายต้องมีความเชื่อถือว่าการถือปฏิบัติโดยทั่วไปในเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น เป็นสิ่ง
ถูกต้องควรแก่การยึดถือเป็นกฎหมาย องค์ประกอบนี้ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่ส�าคัญของจารีตประเพณีระหว่างประเทศ
อันจะส่งผลให้เกิดพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตาม เพราะการปฏิบัติใดก็ตามที่รัฐไม่เห็นว่ามีความส�าคัญถึงขนาดที่ตนจะต้อง
ยอมรับว่าเป็นกฎหมายอันก่อให้เกิดสิทธิและหน้าที่แล้ว การถือปฏิบัติเช่นว่านั้นก็ขาดองค์ประกอบที่จะเป็นจารีตประเพณี
ระหว่างประเทศได้
สิทธิมนุษยชนมีอยู่มากมายหลายสิทธิ บางสิทธิอาจได้รับการพิพากษาตีความว่าเป็น
จารีตประเพณีระหว่างประเทศไปแล้ว เช่น สิทธิในชีวิตจากอาชญากรรมสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรืออาชญากรรมต่อ
มนุษยชาติ เป็นต้น อย่างไรก็ดี กฎเกณฑ์พื้นฐานของสิทธิที่ถือเป็นสิทธิมนุษยชนโดยทั่วไป (Human Right Norms) นั้น
ยังคงมีนักวิชาการมีความเห็นต่างกันไป ๒ แนวทาง แนวทางแรกเห็นว่า กฎเกณฑ์แห่งสิทธิมนุษยชนเป็นจารีตประเพณี
ระหว่างประเทศเนื่องจากความเป็นสากลของสิทธิมนุษยชนที่แสดงให้เห็นการปฏิบัติโดยทั่วไปของรัฐ ประกอบกับการที่ไม่มี
รัฐใดโต้แย้งว่าสิทธิดังกล่าวไม่ใช่สิทธิมนุษยชน แนวทางที่สองเห็นว่า กฎเกณฑ์ของสิทธิมนุษยชนจะไม่ถือเป็นจารีตประเพณี
ระหว่างประเทศจนกว่าจะมีการบัญญัติในสนธิสัญญาที่มีผลผูกพัน อันแสดงให้เห็นการยอมรับนับถือว่าสิทธิดังกล่าวเป็น
กฎหมายด้วย 102
ส่วนสิทธิในสิ่งแวดล้อมนั้น เนื่องจากในปัจจุบันยังคงมีการโต้แย้งจากประเทศพัฒนาแล้ว
ว่าสิทธิดังกล่าวยังมิใช่สิทธิมนุษยชน ท�าให้การปฏิบัติของรัฐยังไม่เป็นที่สอดคล้องต้องกัน จึงจะถือว่าสิทธิในสิ่งแวดล้อมใน
ฐานะที่เป็นสิทธิมนุษยชนกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการปฏิบัติทั่วไปของรัฐ (States Practice) ยังมิได้ ท�าให้โอกาสที่สิทธิ
ในสิ่งแวดล้อมในฐานะสิทธิมนุษยชนจะได้รับการยอมรับว่าเป็นจารีตประเพณีระหว่างประเทศยังต้องใช้เวลาพัฒนาต่อไป
102 From “Human Rights as Part of Customary International Law: A Plea for Change of Paradigms” by Anthony
D’Amato 1995, Ga. J. Int’l & Comp. L. 25, pp 47 – 98. Retrieved from http://scholarlycommons.law.northwestern.edu/
cgi/viewcontent.cgi?article=1087&context=facultyworkingpapers.
166

