Page 98 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 98
โดยที่คณะกรรมการประจ�ากติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองให้ความส�าคัญต่อ
เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกว่า มีความจ�าเป็นต่อความโปร่งใสและการตรวจสอบได้ของรัฐ และจ�าเป็น
ต่อการประกันสิทธิต่าง ๆ ในกติการะหว่างประเทศดังกล่าว และได้วางแนวทางการรอนสิทธิในเสรีภาพในการแสดงความ
คิดเห็นและการแสดงออกว่า การรอนสิทธิด้วยเหตุแห่งความมั่นคงของชาติหรือความสงบเรียบร้อยสาธารณะ หรือด้วยเหตุ
แห่งสาธารณสุขและศีลธรรมนั้น รัฐจ�าเป็นต้องด�าเนินการโดยมีวัตถุประสงค์อันชอบธรรมและด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง
การจ�ากัดสิทธิด้วยเหตุดังกล่าวต้องเป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ได้สัดส่วน มีความจ�าเพาะของกรณีที่จะส่งผลกระทบ
ต่อเหตุเช่นว่านั้น มีความเชื่อมโยงโดยตรงและส่งผลชัดเจนจากการใช้สิทธินั้น และต้องมั่นใจว่าไม่เป็นการจ�ากัดข้อมูลสู่
สาธารณะของสื่อ นักวิชาการ นักสิ่งแวดล้อม หรือนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณะอย่างชอบธรรม
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๙ และพระราชบัญญัติ
การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีบทบัญญัติที่ให้อ�านาจเจ้าหน้าที่รัฐใช้ดุลพินิจในการบังคับใช้กฎหมายที่จ�ากัดสิทธิและ
เสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมอย่างกว้างขวาง และไม่ชัดเจนรัฐควรจะต้องคุ้มครองและส่งเสริมให้
ประชาชนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ และควรมีการวิเคราะห์ผลกระทบในการออกกฎหมาย
(Regulatory Impact Analysis: RIA) ที่เป็นการจ�ากัดสิทธิและเสรีภาพดังกล่าว เพื่อน�าไปสู่การพัฒนาคุณภาพของกฎหมาย
ให้มีสาระส�าคัญครบถ้วนและได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนมากยิ่งขึ้น จะสอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาการทบทวน
ความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีเจตนารมณ์ก�าหนดให้ผู้รักษาการตามกฎหมายต่าง ๆ มีหน้าที่จัดให้มีการ
พิจารณาทบทวนความเหมาะสมของบทบัญญัติของกฎหมายทุกฉบับ ทุกรอบระยะเวลา รวมทั้งก�าหนดหลักเกณฑ์วิธีการและ
ระยะเวลาด�าเนินการดังกล่าวให้ชัดเจนสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และการพัฒนาประเทศ รวมทั้งการยกระดับ
ความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยรวม รวมถึงรัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จ�าเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุง
๑๒๐
กฎหมายที่หมดความจ�าเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการด�ารงชีวิตหรือการประกอบอาชีพ
โดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และด�าเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและ
สามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง และก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มี
การรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ ตามที่ก�าหนด สถานการณ์ด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
ไว้ในมาตรา ๗๗ แห่งร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับลงประชามติ) ๑๒๑
บทที่
๓
๑๒๐ ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๘๖ ก (หน้า ๙๑)
๑๒๑ ปัจจุบันเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๐
รายงานผลการประเมินสถานการณ์ 97 ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙