Page 127 - รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี 2559
P. 127

คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ (มาตรา ๑๖๓) (๘) ให้รัฐบาลยกสถานะส�านักความปลอดภัยแรงงานเป็นกรมความปลอดภัยแรงงาน
        และ (๙) ให้รัฐบาลประกาศรับรองคณะท�างานติดตามและประสานงานข้อเรียกร้องวันแรงงานแรงชาติของแต่ละปี



                                                       ๕) แรงงานนอกระบบ   ๒๑๙
                                                          ที่ผ่านมารัฐได้มีแนวนโยบายหลัก ๆ ในการบริหารจัดการ
                                               แรงงานนอกระบบในการลดปัญหาความไม่มั่นคงด้านปัจจัยพื้นฐาน และ
                                               ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมให้กับแรงงานนอกระบบ ได้แก่

                                               นโยบายการประกันรายได้หรือค่าจ้างขั้นต�่า นโยบายสร้างหลักประกัน
                                               สุขภาพถ้วนหน้า นโยบายการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อลดภาระการกู้ยืมเงิน
                                               นอกระบบ นโยบายการพัฒนาฝีมือแรงงาน นโยบายการขยายสิทธิประโยชน์

        ทดแทนประกันสังคม มาตรา ๔๐ นโยบายการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ  รวมถึงการก�าหนดให้มียุทธศาสตร์
                                                                              ๒๒๐
        เพื่อการจัดการแรงงานนอกระบบส�าหรับแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติ
        งานด้านแรงงานนอกระบบของภาคส่วนต่าง ๆ


                                                  ๒๒๑
                 อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน  ระบุว่า สภาพปัญหาแรงงานนอกระบบที่ส�าคัญ อาทิ การมีเงื่อนไข
        การจ้างงาน การได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม ไม่แน่นอน งานที่ไม่ต่อเนื่องและไม่สม�่าเสมอ การไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย
        คุ้มครองแรงงาน ปัญหาสุขภาพและสภาพการท�างานที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับผลการส�ารวจแรงงานนอกระบบต่อปัญหาต่าง ๆ
        จากการท�างานของส�านักงานสถิติแห่งชาติที่ระบุว่า ปัญหาที่แรงงานนอกระบบต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือมากที่สุดคือ ปัญหาค่าตอบแทน

        ร้อยละ ๕๒.๘ ปัญหาการท�างานหนัก ร้อยละ ๑๗.๑ ปัญหางานที่ท�าไม่ได้รับการจ้างอย่างต่อเนื่อง ร้อยละ ๑๖.๖ ที่เหลือเป็นอื่น ๆ
        เช่น ไม่มีสวัสดิการ ไม่มีวันหยุด ท�างานไม่ตรงเวลาปกติ ชั่วโมงท�างานมากเกินไป และลาพักผ่อนไม่ได้ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังระบุว่า
        ในปี ๒๕๕๙ อัตราแรงงานนอกระบบที่มีหลักประกันทางสังคมร้อยละ ๑๐.๕๓ ซึ่งมีอัตราการเปลี่ยนแปลงขยายตัวจากปีที่แล้ว
        ร้อยละ ๒.๔๓


        ๔.๓.๓ สถานการณ์ปี ๒๕๕๙

                 ๑) การด�าเนินการที่ส�าคัญของรัฐ
                    รัฐบาลได้ด�าเนินการเพื่อให้การส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิของแรงงานไทยมีมากขึ้นหลายประการ อาทิ

                       รัฐบาลได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) จ�านวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑)
        อนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๑๘๗ ว่าด้วยกรอบเชิงส่งเสริมการด�าเนินงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
        ค.ศ. ๒๐๐๖  โดยอนุสัญญาฉบับนี้ เป็นหนึ่งในตราสารที่ส�าคัญของ ILO ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัยในการท�างาน
                  ๒๒๒
        มีผลผูกพันให้ประเทศสมาชิกที่เป็นภาคีต้องก�าหนดนโยบายเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยระดับชาติ รวมทั้งออกแบบ
        พัฒนา และน�าระบบเพี่อส่งเสริมความปลอดภัยและอาชีวอนามัยไปบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ  และ (๒) อนุสัญญาว่าด้วยแรงงาน
                                                                                 ๒๒๓
                          ๒๒๔
        ทางทะเล ค.ศ. ๒๐๐๖  โดยอนุสัญญาฉบับนี้เป็นหนึ่งในตราสารที่ส�าคัญของ ILO ที่ก�าหนดมาตรฐานขั้นต�่าของการท�างานและ
        ความเป็นอยู่ของคนท�างานบนเรือที่ชักธงประเทศสมาชิกที่เป็นภาคี และมีความเชื่อมโยงกับอนุสัญญาขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ
        เกี่ยวกับความปลอดภัยของเรือ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล อนุสัญญาฉบับนี้มีผลผูกพันให้ประเทศสมาชิก

        ที่เป็นภาคีต้องออกกฎหมายเพื่อก�าหนดมาตรฐานการท�างานของลูกจ้าง และคนประจ�าเรือ การคุ้มครองสิทธิแรงงาน การจ้างงาน


                 ๒๑๙  ส�านักงานสถิติแห่งชาติให้นิยามแรงงานนอกระบบคือ ผู้มีงานท�าที่ไม่ได้รับความคุ้มครองหรือไม่มีหลักประกันทางสังคมจากการท�างานเช่นเดียวกับแรงงานในระบบ
                 ๒๒๐  จาก รายงานฉบับสมบูรณ์ แผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานนอกระบบ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙, โดย กระทรวงแรงงานร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา
        ประเทศไทย, ๒๕๕๔, กรุงเทพฯ: กระทรวงแรงงาน.
                 ๒๒๑  แหล่งเดิม.
                 ๒๒๒  อนุสัญญาฉบับนี้เป็นอนุสัญญา ILO ฉบับที่ ๑๖ ที่ไทยให้สัตยาบัน และจะมีผลบังคับใช้ในอีก ๑๒ เดือนถัดไปนับจากวันที่ให้สัตยาบัน คือวันที่ ๒๓ มีนาคม ๒๕๖๐
                 ๒๒๓  จาก ไทยยื่นสัตยาบันสารอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ ๑๘๗ ว่าด้วยกรอบเชิงส่งเสริมการด�าเนินงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ค.ศ.
        ๒๐๐๖ อย่างเป็นทางการ, ๒๕๕๙, สืบค้นจาก http://humanrights.mfa.go.th/th/news/119/
                 ๒๒๔  อนุสัญญาฉบับนี้เป็นอนุสัญญา ILO ฉบับที่ ๑๗ ที่ไทยให้สัตยาบัน และจะมีผลบังคับใช้ในอีก ๑๒ เดือนถัดไปนับจากวันที่ให้สัตยาบัน คือในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๐

                                 รายงานผลการประเมินสถานการณ์  126  ด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙
   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132