Page 49 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 49
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
ความรับผิดชอบและกระบวนการเยียวยา (Accountability and Remedy Project) เพื่อพัฒนาข้อชี้แนะ
ในทางปฏิบัติให้กับภาครัฐ ที่จะเป็นการเพิ่มความรับผิดชอบและความสามารถในการเข้าถึงกระบวนการ
เยียวยาต่างๆ
3. ปัจจุบันภาคธุรกิจเริ่มให้ความส าคัญกับการด าเนินงานโดยยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคมและ
หลักการด าเนินงานอย่างยั่งยืน สิทธิมนุษยชนกลายเป็นปัจจัยส าคัญในการลงทุนและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ภาครัฐจึงมีหน้าที่ในการปกป้องสิทธิมนุษยชนในตลาดการค้า โดยการผสานหลักการสิทธิมนุษยชนในกฎหมาย
และความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างเศรษฐกิจของทวีปเอเชีย
4. การเข้ามาใช้และเข้าถือสิทธิในที่ดินของภาคธุรกิจต่างๆ มีมากขึ้น ซึ่งมีหลายกรณีที่ส่งผลกระทบ
ต่อสิทธิของชุมชนท้องถิ่นและผู้มีส่วนได้เสียจ านวนมาก
นอกจากนี้ประเด็นสถานการณ์โดยทั่วไปยังได้พูดถึงแนวทางการสร้างแผนปฏิบัติการแห่งชาติว่าด้วย
ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (NAP) ผ่านการอธิบายความหมาย สาระส าคัญและกระบวนการจัดท าแผน NAP (ผ่าน
การด าเนินงาน 5 ระยะ คือ การริเริ่มจัดท า การประเมินและปรึกษาหารือ การร่างแผนเบื้องต้น การบังคับใช้
และการปรับปรุงแผนฯ)
ในส่วนที่สองที่แสดงถึงบทบาทของ กสม. มีการน าเสนอผ่าน 2 ประเด็นหลัก คือ
1. การน าเสนอบทบาทของ กสม. ในการปฏิบัติตาม UNGP และการริเริ่มกระบวนการยกร่างแผน
NAP ของประเทศ คณะผู้แทน กสม. ได้รับเชิญจากคณะท างานว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของ
คณะกรรมการประสานงานระหว่างประเทศว่าด้วยสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (ICC) ในการแลกเปลี่ยน
ความรู้ในกระบวนการจัดท าแผนปฏิบัติการแห่งชาติ (NAP) ร่วมกับหน่วยงานต่างประเทศ โดยบทบาทของ
กสม. ที่ผ่านมา สามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้
- กสม. ไทย แสดงบทบาทที่จะเป็นผู้ประสานงาน โดยดึงผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนเข้ามามี
ส่วนร่วม
- กสม. ไทย รับบทบาทเป็นผู้อ านวยความสะดวก ขับเคลื่อนกระบวนการและเจรจาต่อรอง
เพื่อลดทอนอุปสรรคปัญหาต่างๆ
- กสม. ไทย รับบทบาทในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ รวบรวมข้อมูลองค์ความรู้เพื่อเปิดเผย
ต่อสาธารณะและผู้มีส่วนได้เสีย
2. การเชื่อมโยงเครือข่ายและความร่วมมือกับระหว่างประเทศ กสม. เริ่มสร้างความร่วมมือกับ
หน่วยงานต่างๆ ทั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเดนมาร์ก German Institute for Human Rights (DIFR)
ธนาคารพัฒนาเอเชียและคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน รวมทั้งโครงการพัฒนา
แห่งสหประชาชาติ (UNDP) เพื่อที่จะเป็นประโยชน์ในการด าเนินการสร้างแผนปฏิบัติการแห่งชาติที่ว่าด้วย
ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนให้สอดคล้องกับบริบทของประเทศไทย
2-25