Page 127 - รายงานฉบับสมบูรณ์โครงการศึกษาวิจัยแผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
P. 127
รายงานฉบับสมบูรณ์ (Final Report)
แผนกลยุทธ์ด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2562
ตอบโต้ มาตรการดังกล่าวควรจะรวมถึงการเสริมสร้างและการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่มีอยู่ว่า
ด้วยการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล นอกจากนี้ รัฐควรที่จะทุ่มเทที่จะจ าแนกและระบุอุปสรรคต่างๆ ที่กลุ่มผู้เปราะบาง
และกลุ่มชายขอบต่างต้องประสบ โดยรัฐจะต้องรับรองที่จะยึดถือเอาหลักการ FPIC ที่ก าหนดเอาไว้ใน
ปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองมาใช้ และประเมิน ไม่ว่าศาลพื้นเมืองจะจัดให้มีช่องทางการ
เยียวยาที่มีประสิทธิภาพแก่ชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองหรือไม่ก็ตาม
2) แก้ไขปัญหาช่องว่างทางกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นอุปสรรคต่อการเยียวยา
ทางศาล โดยรัฐควรที่จะจ าแนกและระบุช่องว่างทางกฎหมายและการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นอุปสรรคต่อ
การเยียวยาทางศาลทั้งในประเด็นทั่วไปและประเด็นเฉพาะของสิทธิมนุษยชนและการประกอบธุรกิจ ซึ่งการ
ด าเนินการดังกล่าวต้องอาศัยการพิจารณากลไกศาลทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น ศาลธุรกิจ ศาลแรงงานและศาล
ช านาญพิเศษด้านการก่อสร้าง ตลอดจนกลไกศาลอื่นๆ ที่อยู่ในระดับแคว้นและรัฐ
3) จัดให้มีกลไกเยียวยาที่ไม่ใช่ศาลในประเทศเพื่อเสริมกลไกศาลในการเยียวยาให้มีประสิทธิภาพ
มากขึ้นจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยภาคธุรกิจ โดยรัฐควรที่จะจ าแนกช่องว่างในบทบัญญัติของการ
เยียวยาที่ไม่ใช่ศาล ประเมินความมีประสิทธิภาพของกลไกที่ไม่ใช่ศาลเทียบกับเกณฑ์ความมีประสิทธิภาพตาม
หลักการ UNGP ข้อที่ 31 และอุดช่องว่างเหล่านี้โดยขยายอ านาจให้กับกลไกที่ไม่ใช่ศาลหรือจัดตั้งองค์กรก ากับ
ดูแลใหม่ขึ้นมา นอกจากนี้ รัฐบาลควรที่จะเสริมสร้างอาณัติ อ านาจและศักยภาพของ SUHAKAM เพื่อให้
สามารถเป็นกลไกเยียวยาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากภาคธุรกิจ ตลอดจนประเมินการมีอยู่ของกลไกที่ไม่ใช่
ศาลซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากภาคธุรกิจ และรับเอาข้อเสนอแนะที่
เหมาะสมไปปฏิบัติ ทั้งนี้ รวมถึงการประเมินความต้องการในการจัดตั้งกลไกที่ไม่ใช่ศาลขึ้นใหม่เพื่อแก้ไขปัญหา
การละเมิดสิทธิมนุษยชนจากภาคธุรกิจ เช่น สถาบันการเงิน การลงทุนและการพัฒนาที่เชื่อมโยงกับรัฐ และ
GLCs เป็นต้น
อ านาจหน้าที่และบทบาทตามกฎหมายในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนขององค์กรหรือหน่วยงานด้าน
สิทธิมนุษยชนของรัฐในต่างประเทศ เฉพาะกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของเอกชน
กฎหมายของประเทศมาเลเซียไม่มีหน่วยงานรัฐที่ท างานด้านธุรกิจและสิทธิมนุษยชนโดยตรง อย่างไร
ก็ตาม มีหน่วยงานรัฐที่ท างานในประเด็นอื่นๆ เช่น การต่อต้านคอร์รัปชั่น สิทธิแรงงาน สามารถท างานใน
ประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากภาคธุรกิจได้ พระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งมาเลเซีย
ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ให้อ านาจแก่ SUHAKAM ในการเข้าไปยังพื้นที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่มีการละเมิด
สิทธิมนุษยชนได้
นอกจากนี้ ไม่มีหน่วยงานของรัฐด าเนินการในกรณีที่บริษัทของมาเลเซียละเมิดสิทธิมนุษยชนใน
ต่างประเทศ นอกจากในกรณีที่เป็นการร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับบรรษัทข้ามชาติที่เข้ามาด าเนินธุรกิจในมาเลเซีย
3-57