Page 53 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ประจำปี 2558
P. 53
รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ปี ๒๕๕๘
กลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม
กสม. พบว่า รัฐบาลพยายามจัดท�าและด�าเนินนโยบายและมาตรการ
ที่ส�าคัญเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม อาทิ การลงนามบันทึก
ความเข้าใจ หรือข้อตกลงร่วมในการน�าเข้าแรงงานข้ามชาติบางสัญชาติเพื่อแก้ไข
ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในประเทศ การเปิดจดทะเบียนแรงงานต่างด้าว
ในลักษณะศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ รวมถึงการมีมติคณะรัฐมนตรี วันที่ ๑๘
กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เห็นชอบหลักการ การจัดระบบการจ้างคนต่างด้าวสัญชาติ
เมียนมา ลาว และกัมพูชาที่เข้ามาท�างานในลักษณะไป-กลับ หรือตามฤดูกาล
โดยมีการออกประกาศ และนโยบายการปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง แต่ทั้งนี้ กสม.
พบว่า มีประเด็นที่ยังคงเป็นข้อท้าทายใน ๔ ส่วนหลัก ๆ คือ (๑) สภาพการท�างาน
ซึ่งส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิของแรงงานข้ามชาติทั้งระยะเวลาการท�างาน
ที่ก�าหนดวันหยุดพัก การท�างานล่วงเวลาโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน ความเสี่ยง กลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนไร้รัฐ เเละไร้สัญชาติ
ต่ออุบัติเหตุในการท�างาน การไม่ได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน รวมถึงความเสี่ยง เเละชนเผ่าพื้นเมือง
ต่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศ (๒) ระบบประกันสังคมและการเข้าถึง กสม. พบว่า ในภาพรวมของการด�าเนินงาน
บริการสาธารณสุข โดยแม้ว่าจะมีกฎหมาย หรือนโยบายที่ก�าหนดไว้ทั้ง ที่เกี่ยวข้องกับประชากรกลุ่มดังกล่าว ยังขาด
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ (มาตรา ๓๓) หรือบัตรประกันสุขภาพ การก�าหนดหน่วยงานที่ประสานงานหรือรับผิดชอบ
แต่ยังมีปัญหาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงการสื่อสารทางภาษา การไม่ได้รับความร่วมมือจากนายจ้างในบางส่วน อย่างชัดเจน ขาดการจัดท�าแผนแม่บทรวมถึง
ข้อจ�ากัดของระบบข้อมูลที่ข้อเท็จจริง ความบกพร่องของเอกสารแสดงสถานะ การด�าเนินการติดตามการปฏิบัติตามแผน
บุคคล หรือความเกี่ยวข้อง (หลักฐานทะเบียนสมรส หรือการแสดงความเป็น ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการมีกฎระเบียบ
บิดามารดา) (๓) การเข้าถึงการศึกษา โดยพบว่าในจ�านวนเด็กที่ไม่มีสัญชาติ ที่แตกต่างหลากหลาย และไม่เป็นปัจจุบัน
ไทยประมาณ ๓๐๐,๐๐๐ คน เป็นเด็กที่มิได้อยู่ในระบบการศึกษาถึงร้อยละ ๔๖ การขาดการมีส่วนร่วมของฝ่ายต่าง ๆ
และมีจ�านวนเด็กข้ามชาติที่ศึกษาในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะมัธยมศึกษาจ�านวน และขาดบุคลากรที่มีประสบการณ์ในการ
น้อยลง เนื่องจากการขาดความมั่นคงของศูนย์การเรียนรู้ที่มิได้รับการสนับสนุน ปฏิบัติงาน ซึ่งท�าให้ไม่มีการจัดท�าระบบข้อมูล
จากรัฐบาล ปัญหาอุปสรรคด้านภาษา และความจ�าเป็นในการประกอบอาชีพ ที่สมบูรณ์ และปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา
เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และ (๔) การจัดตั้งสหภาพและการนัดหมายหยุดงาน ทั้งนี้ ยังพบสถานการณ์ที่เป็นความเสี่ยงหลัก ๆ
เนื่องจากข้อติดขัดในด้านบทบัญญัติทั้งในพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ของกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ (๑) การขาดความ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๓ มั่นคง หรือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน ที่ท�ากิน
ตลอดจนการด�าเนินการอนุมัติกฎหมายให้สอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การ และที่อยู่อาศัยเนื่องจากปัญหากรรมสิทธิ์
แรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ฉบับที่ ๘๗ และ ๙๘ การถือครองที่ดิน หรือการใช้ประโยชน์บนพื้นที่
ทั้งนี้ กสม. ประเมินสถานการณ์ด้านกลุ่มแรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม การขาดระบบข้อมูลที่ชัดเจนและความขัดแย้ง
โดยเห็นว่า รัฐยังมีข้อจ�ากัดบางประการที่เป็นอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิ เชิงนโยบายระหว่างการพัฒนาและการอนุรักษ์
ของแรงงานข้ามชาติ ทั้งการก�าหนดเงื่อนไขด้านหลักฐานในการใช้สิทธิ ธรรมชาติ ทั้งนี้ พบว่า กรณีร้องเรียนหลาย
ประกันสังคม การมีจ�านวนสถานพยาบาลที่น้อย และอยู่ห่างไกลจากสถานที่ กรณีที่รัฐประกาศเขตอุทยานโดยมิได้ค�านึงถึง
ซึ่งเป็นแหล่งที่มีแรงงานข้ามชาติจ�านวนมาก และการมีช่องว่างทางกฎหมาย ข้อเท็จจริงว่า มีประชาชนอาศัย หรือใช้ประโยชน์
ที่สร้างอุปสรรคให้สิทธิของแรงงานข้ามชาติไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ดังนั้น ในพื้นที่ดังกล่าวมาก่อน ท�าให้เกิดการฟ้องร้อง
จึงมีข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเงื่อนไขในการให้สิทธิการจัดตั้งสหภาพ ด�าเนินคดีในข้อหาบุกรุก ในปี ๒๕๕๘ กสม.
แก่แรงงานข้ามชาติที่มีความพร้อม และไม่เป็นผลกระทบ หรือความเสี่ยง ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับ
ต่อความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ และสังคม อาทิ แรงงานที่พิสูจน์สัญชาติ ที่ดิน ที่ท�ากิน และที่อยู่อาศัย เนื่องจากลักษณะ
และแรงงานที่น�าเข้าตามMOU เป็นต้น เพื่อเป็นการประกันสิทธิขั้นพื้นฐาน
ตามมาตรฐานสากล
23