Page 9 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 9

๓. เงื่อนไขทางสังคม การเมือง ชาติพันธุ์ในการส่งผู้ลี้ภัยกลับ
                              การเตรียมการเพื่อส่งผู้ลี้ภัยกลับคืนสู่ถิ่นฐาน จะต้องเข้าใจภูมิหลังทางสังคม การเมืองและจิตวิทยาที่มีความ
                   ละเอียดอ่อนของผู้ลี้ภัยด้วย

                              ประการที่แรก ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อย ที่มีความขัดแย้งกับรัฐบาลพม่า/เมียนมาร์มานานเกือบ ๖ ทศวรรษ
                   จนถึงกับมีองค์กรทางการเมืองและกองก�าลังถืออาวุธของตนเอง  รัฐบาลพม่า/เมียนมาร์มองว่ากองก�าลังถืออาวุธ  ชนกลุ่มน้อย
                   เหล่านี้เคยเป็นผู้ก่อการร้าย (Insurgent) ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาล ผู้ลี้ภัยจ�านวนหนึ่งก็เป็นสมาชิกของครอบครัวของกองก�าลัง

                   ถืออาวุธชนกลุ่มน้อยเหล่านี้มีความรู้สึกว่ารัฐบาลพม่า/เมียนมาร์ใช้นโยบายชาตินิยมปฏิบัติต่อพวกเขามาโดยตลอด ที่ส�าคัญก็คือ
                   การเจรจาหยุดยิงทั่วประเทศยังไม่บรรลุผล (ในช่วงที่เก็บข้อมูลเสร็จสิ้นลง)

                              ประการที่  ๒  ผู้ลี้ภัยจ�านวนมากยังมีความทรงจ�าที่ขมขื่นและเกลียดชังรัฐบาลและทหารพม่า/เมียนมาร์  ดังนั้น
                   การส่งผู้ลี้ภัยกลับไม่ควรแต่จะพิจารณาว่าผู้ลี้ภัยต้องการแค่เพียงความมั่นคง ปลอดภัยในการด�ารงชีวิต หรือมีที่ดินท�ากินเท่านั้น
                   แต่ยังมีบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้ และการประหัตประหารของกองทัพพม่าที่ยังอยู่ในความทรงจ�าของผู้ลี้ภัยที่จะต้องได้รับ

                   การเยียวยา พวกเขาบางคนยังหวาดผวาเมื่อเห็นทหารถืออาวุธปืน
                              ประการที่  ๓  ผู้ลี้ภัยกลุ่มชาติพันธุ์มีความต้องการที่จะอยู่ในระบบการปกครองแบบสหพันธรัฐ  (Federal  Union)

                   มีรัฐชาติพันธุ์ของตนเองที่มีอิสระในการตัดสินใจทางการเมือง  เศรษฐกิจ  และปกป้องรักษาวัฒนธรรมและภาษาชาติพันธุ์ของ
                   ตนเอง ดังนั้น จึงอาจจะยังไม่มีส�านึกร่วมของการเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติร่วมกับพลเมืองที่เป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ
                   พม่า/เมียนมาร์ การส่งผู้ลี้ภัยกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิม จึงจะต้องค�านึงถึงการให้อภัยและการปรองดอง ทั้งในระดับชาติและระดับ

                   ท้องถิ่น รวมทั้งการให้ความส�าคัญต่ออัตลักษณ์ ชาติพันธุ์ และหลักการสหพันธรัฐ (Federalism)
                              ประการที่ ๔ ผู้ลี้ภัยจ�านวนมากไม่อยากเดินทางกลับประเทศจนกว่าจะมี “สันติภาพอย่างแท้จริง” ส่วนใหญ่
                   ไม่มี “ความเชื่อมั่น” (Trust) ในค�าสัญญาของรัฐบาลพม่า/เมียนมาร์

                              ประการที่ ๕ ส�าหรับผู้ลี้ภัยที่เป็นเยาวชน หรือผู้ที่เกิดและเติบโตในค่ายผู้ลี้ภัย พวกเขาไม่มีจินตนาการเกี่ยวกับ
                   “บ้านเกิดเมืองนอน” และอาจจะไม่มีความผูกพันกับประเทศพม่า/เมียนมาร์ พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่ได้รับการศึกษาและรับรู้
                   การเปลี่ยนแปลงของโลก มีทักษะในการใช้เทคโนโลยี ดังนั้น เยาวชนกลุ่มนี้เป็นจ�านวนมาก จึงมักไม่ประสงค์จะเดินทางกลับ

                              ประการสุดท้าย ผู้ลี้ภัยที่นับถือศาสนาอิสลามมีความหวาดกลัวว่า หากเดินทางกลับประเทศพม่า/เมียนมาร์
                   อาจจะถูกกีดกันโอกาสในการท�างาน  ถูกรังเกียจในด้านชาติพันธุ์  หรือแม้กระทั่งไม่ได้รับการคุ้มครองด้านความปลอดภัยในชีวิต

                   และทรัพย์สิน ไม่ได้รับสิทธิการเป็นพลเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกระแสชาตินิยมชาติพันธุ์ทางศาสนาที่มีความรุนแรงใน
                   ปัจจุบัน
                              นอกจากนี้ ผู้ลี้ภัยที่ท�าการศึกษาเกือบทั้งหมดมีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศพม่า/เมียนมาร์

                   ที่ยังไม่เอื้ออ�านวยว่าจะไปสู่สันติภาพอย่างแท้จริง และยังมีความหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจกองทัพพม่า ซึ่งปัจจุบันได้ส่งก�าลังเข้า
                   ยึดครองในพื้นที่  (Militarization)  ในบริเวณรัฐชาติพันธุ์มากขึ้น  และขณะเดียวกัน  ก็ยังมีการปะทะกับกองก�าลังถืออาวุธชน

                   กลุ่มน้อย ที่ยังไม่เข้าร่วมการเจรจาสันติภาพอยู่เสมอ

                            ๔. การเตรียมการส่งกลับ
                               ๔.๑ การเตรียมตัวของผู้ลี้ภัย

                                   ผู้ลี้ภัยได้รับรู้ถึงการส่งกลับคืนสู่ถิ่นฐานในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์เป็นระยะๆ ผู้ลี้ภัยได้แต่สังเกต
                    การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในค่ายผู้ลี้ภัยด้วยตนเอง เช่น การฝึกอบรมการประกอบอาชีพต่างๆ การหารือในเรื่องพื้นที่การกลับ
                    ไปตั้งถิ่นฐาน การลดอาหารปันส่วนเหลือเพียง ๘ กิโลกรัมต่อคนต่อเดือน แม้ว่าจะได้รับค�าอธิบายว่าการลดอาหารปันส่วนไม่

                    ได้เกี่ยวข้องกับการส่งกลับ  แต่เป็นเพราะแหล่งเงินทุนลดการช่วยเหลือ  แต่อย่างไรก็ตาม  การลดอาหารปันส่วนนี้้มีผลกระทบ
                    ต่อผู้ลี้ภัยเนื่องจากไม่มีช่องทางจะหารายได้ส�าหรับการซื้อหาอาหารมาทดแทนอาหารที่ขาดหายไปนั้นทั้งนี้เนื่องจากไม่สามารถ

                    ออกไปหางานท�านอกค่ายผู้ลี้ภัยได้  การลดอาหารปันส่วนนี้จึงท�าให้ผู้ลี้ภัยรู้สึกถึงความไม่มั่นคง  และมีความห่วงกังวลเกี่ยวกับ
                    อนาคต
             จ
             ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14