Page 12 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 12
ชนกลุ่มน้อย องค์กรภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และนักวิชาการจะต้องหาทางที่จะท�าให้เกิดสิ่งนี้อย่างจริงจัง โดยมีการท�างาน
วิจัยอย่างมีส่วนร่วม เพื่อศึกษาแนวทางในการสร้างสันติภาพและส�านึกร่วมของความเป็นชาติ ที่ส�าคัญก็คือผู้ลี้ภัยจะต้องมีส่วน
ร่วมในกระบวนการนี้
ผู้ลี้ภัยสมควรจะได้รับ “สิทธิ” ในการตัดสินใจในการกลับคืนสู่ถิ่นฐานโดยสมัครใจ และมีส่วนร่วมในการ
วางแผน และการจัดการอย่างจริงจังทุกขั้นตอน และได้รับข้อมูลข่าวสารเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง กลุ่มสตรีผู้ลี้ภัยควรจะได้รับ
โอกาสอย่างเท่าเทียมในการมีส่วนร่วมอย่างเป็นระบบในการวางแผนการส่งกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิม
ปัญหาที่ดินที่จะรองรับการกลับคืนสู่ถิ่นฐาน เป็นสิ่งที่ผู้ลี้ภัยต้องมีส่วนร่วมในการหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการ
กลับคืนถิ่นฐานเป็นกลุ่ม โดยให้ความส�าคัญต่อความปลอดภัย และความยั่งยืน รวมทั้งการมีส่วนร่วมของประชาชนที่อยู่ในชุมชน
ที่ใกล้กับพื้นที่ นอกจากนั้น ยังมีความจ�าเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องหามาตรการในการแก้ปัญหาการรับรองมาตรฐานการศึกษา
ของเด็กนักเรียนในค่ายผู้ลี้ภัยที่จะกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิม
๕.๕ นโยบายการรองรับผู้ลี้ภัยที่ประสงค์จะอยู่ในประเทศไทย (Local Integration)
ควรให้โอกาสแก่ผู้ลี้ภัยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกที่จะอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ UNHCR จะต้อง
อ�านวยความสะดวกและสนับสนุนเช่นเดียวกับกรณีผู้ลี้ภัยที่จะเลือกเดินทางกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมในประเทศพม่า/เมียนมาร์
โดยจัดให้มีการฝึกอบรมเพื่อให้ผู้ลี้ภัยเหล่านี้เข้าใจกฎหมายไทย รวมทั้งให้การศึกษาและการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ
ในการด�ารงชีวิต และการประกอบอาชีพในประเทศไทย ผู้ลี้ภัยจ�านวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในวัยท�างานและเยาวชน ที่มี
ศักยภาพและทักษะในการด�ารงชีวิตในบริเวณชายแดน สามารถพูดภาษากลุ่มชาติพันธุ์ และภาษาไทยได้คล่องแคล่ว หลายคน
มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร ผู้ลี้ภัยเหล่านี้มักจะเลือกที่ไม่กลับไปประเทศพม่า/เมียนมาร์ เพราะไม่มีความส�านึก
เรื่อง “บ้านเกิด” (Homeland) ของตน ดังนั้น คนกลุ่มนี้น่าจะได้รับโอกาสให้เลือกที่จะอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะในชุมชน
ชายแดนที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน
๕.๖ ทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับพื้นที่ “ชายแดน” และชุมชนชายแดน (Rethinking)
จ�าเป็นต้องมีการทบทวนแนวคิดเกี่ยวกับพื้นที่ชายแดนเสียใหม่ จาก “พื้นที่กันชน” หรือพื้นที่ชายขอบ
หรือพื้นที่ห่างไกลจากความเจริญ แต่ที่มีทรัพยากรที่สามารถจะขุดเจาะและน�าทรัพยากรนั้นมาใช้โดยไม่ค�านึงถึงความยั่งยืน
แต่ปัจจุบันพื้นที่ชายแดนกลับกลายเป็นพื้นที่ที่มีความส�าคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม รัฐบาลไทย
ก�าลังเตรียมประกาศให้เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ แนวโน้มของการพัฒนาชายแดนจะมีลักษณะของการใช้พื้นที่ให้เป็น
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยไม่ค�านึงถึงความยั่งยืนมากขึ้น พื้นที่ชายแดนควรจะเป็น “ชุนชนในจินตนาการ” ของพลเมือง
ทั้งสองประเทศ เป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรม/พหุชาติพันธุ์ที่ใช้ทรัพยากรร่วมกัน จึงควรค�านึงถึงการใช้ประโยชน์ร่วมกับกองก�าลัง
ถืออาวุธชนกลุ่มน้อยอย่างยั่งยืน
UNHCR และคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (ASEAN Intergovernmental
Commission on Human Rights: AICHR) ควรมีบทบาทอย่างแข็งขันในการเจรจากับรัฐบาลไทยและรัฐบาลพม่า/เมียนมาร์
กองก�าลังถืออาวุธชนกลุ่มน้อย และชุมชนชายแดน เพื่อให้มองเห็นความส�าคัญของพื้นที่ชายแดนอย่างจริงจัง เป็นพื้นที่น�าร่อง
ของความร่วมมือในการพัฒนาไปสู่ประชาคมอาเซียน นอกจากนั้น ควรให้ชุมชนชายแดนมีทางเลือกในการพัฒนารูปแบบต่าง ๆ
เช่น การพัฒนาการเกษตรปลอดสารเคมี ชุมชนเศรษฐกิจพอเพียงที่ให้ความส�าคัญต่อความมั่นคงทางอาหาร และเป็นพื้นที่เขต
วัฒนธรรมพิเศษ
นอกจากนี้ ควรจะต้องมีการจัดตั้งให้มีหน่วยงานหรือเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อศึกษาและพัฒนาพื้นที่ชายแดน
รับผิดชอบในการฝึกอบรมอาสาสมัคร ที่อาจจะมาจากผู้ลี้ภัยที่เลือกกลับคืนสู่ถิ่นฐานเดิมในบริเวณชายแดนและจากชุมชน
ชายแดน เพื่อสร้างอุดมการณ์ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีเอกภาพ รวมทั้งการสร้าง “ชุมชนจินตนาการ” และสนับสนุน
การมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่อย่างจริงจัง
ซ
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว