Page 57 - รายงานวิจัย เรื่อง ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว
P. 57
บทที่ ๓
ความสับสนเกี่ยวกับข้อมูลตัวเลขจ�านวนประชากรในค่ายผู้ลี้ภัยนี้ ได้น�าความกังวลใจมาสู่ทางการไทยและ
UNHCR ไม่น้อย ดังจะเห็นได้จากในช่วงที่ด�าเนินงานโครงการวิจัยฯ นี้มีการส�ารวจประชากรในค่ายผู้ลี้ภัยถึง ๒ ครั้ง ครั้งแรก คือ
ภายหลังการเข้ายึดอ�านาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ราวเดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เริ่มมีข่าวลือในค่ายผู้ลี้ภัย
เกี่ยวกับการเข้ามาส�ารวจจ�านวนประชากรในค่ายผู้ลี้ภัยโดยทหาร ในช่วงนั้นได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ลี้ภัยอย่างมาก เนื่องด้วย
พวกเขามีความเกรงกลัวอ�านาจของทหารที่จะสามารถด�าเนินการใด ๆ ก็ได้ ในสถานการณ์เช่นนั้น แม้แต่ประชากรไทยก็จะต้อง
ยอมจ�านนต่ออ�านาจของทหารและพวกเขาเป็นเพียงผู้พักอาศัย จึงยิ่งเพิ่มความหวาดหวั่นมากขึ้น การส�ารวจในครั้งนั้น มีข่าวลือว่า
ค่ายผู้ลี้ภัยที่มีปัญหาการเคลื่อนย้ายคนมากที่สุด คือ ค่ายบ้านแม่หละจะถูกส�ารวจอย่างละเอียด ยิ่งเพิ่มความวิตกกังวลให้กับพวกเขา
อย่างไรก็ดี สิ่งที่กังวลไม่ใช่การส�ารวจนับจ�านวนประชากร แต่เป็นผลสืบเนื่องจากการส�ารวจว่า ผลการส�ารวจนี้จะกระทบต่อพวกเขา
มากน้อยเพียงไร สถานการณ์นี้สร้างความสับสนเกี่ยวกับการส่งกลับประเทศต้นทางอย่างยิ่ง เนื่องด้วยในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึง
ราวต้นปี ๒๕๕๗ ได้มีโครงการวิจัยหนึ่งมีแนวค�าถามเกี่ยวกับการตัดสินใจกลับประเทศต้นทาง จึงท�าให้ชาวบ้านกลัวว่า การส�ารวจนี้จะ
มีความเชื่อมโยงกับการส�ารวจก่อนหน้านี้
ครั้งที่สอง เป็นการส�ารวจโดย UNHCR เช่นเดียวกัน ได้ด�าเนินการประมาณปลายปี ๒๕๕๗ ถึงต้นปี ๒๕๕๘
เป็นระยะเวลาห่างจากการส�ารวจครั้งล่าสุดไม่กี่เดือน มีเสียงเล่าลือจากในค่ายผู้ลี้ภัยว่า จ�านวนประชากรในค่ายผู้ลี้ภัยค่อนข้างสับสน
จึงจ�าเป็นต้องมีการส�ารวจอีกครั้ง โดยครั้งนี้ UNHCR จะใช้เทคโนโลยีมาร่วมบันทึกลักษณะบุคคลด้วย เช่น ภาพถ่าย รอยพิมพ์นิ้วมือ
เป็นต้น หากเทียบกับการส�ารวจครั้งล่าสุดแล้ว ครั้งนี้ชาวบ้านไม่ค่อยแตกตื่น หวาดกลัวเท่าไหร่นัก เพราะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์พิเศษ
เช่นครั้งล่าสุด จากการสัมภาษณ์พบว่า ชาวบ้านค่อนข้างเคยชินกับการตรวจนับจ�านวนประชากรเช่นนี้ อย่างไรก็ดี การส�ารวจครั้งนี้
มีเสียงลือว่า จะเป็นการขึ้นทะเบียนสถานะเป็นผู้ลี้ภัย จึงท�าให้ผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่งไม่ต้องการจะถูกส�ารวจและประทับตราว่าเป็นผู้ลี้ภัย
แต่อีกกลุ่มหนึ่งก็ต้องการถูกส�ารวจโดยมีความหวังว่าจะได้ไปประเทศที่สาม ขณะที่ผู้ลี้ภัยก็ตระหนักดีว่าโอกาสที่จะได้รับการพิจารณา
ไปประเทศที่สามนั้น มีความเป็นไปได้น้อยมาก ความน่าสนใจประการหนึ่งของการส�ารวจนี้ คือ ได้น�าวิธีการที่เรียกว่า Biometric
เพื่อยืนยันหรือระบุความเป็นคน ๆ นั้น ด้วยวิธีการพิมพ์ลายนิ้วมือ ลักษณะใบหน้า ลักษณะใบหู จอตา UNHCR ได้บอกกับผู้ลี้ภัยว่า
การส�ารวจนี้เรียกว่า Verification Process ผู้ที่ผ่านกระบวนการนี้จะได้บัตรเรียกว่า Verification Card ซึ่งสามารถร้องขอความช่วยเหลือ
จาก UNHCR ได้
๒) ส่วน บัตร Pre-Screening หรือที่ผู้ลี้ภัยเรียกว่า บัตร Pre
เป็นบัตรที่ UNHCR จัดให้ส�าหรับบุคคลที่เดินทางมาตั้งแต่ช่วงเวลา พ.ศ. ๒๕๔๙-๒๕๕๑ แสดงว่าอยู่ในกระบวนการ
คัดกรองของ UNHCR ในการส่งไปประเทศที่สาม โดยส่วนใหญ่คนที่มีบัตรนี้จะมีสมาชิกในครอบครัวได้ไปประเทศที่สามแล้ว และตนเอง
อยู่ในขั้นตอนการเตรียม การตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีบัตรนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้ไปประเทศที่สามทุกคน ขณะเดียวกันก็พบว่า
ผู้ที่มีญาติหรือสมาชิกในครอบครัวไปประเทศที่สามแล้ว และตนเองยังพักอาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัย ก็อาจจะไม่มีบัตรนี้ก็ได้
๓) กลุ่มคนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ UNHCR
เป็นกลุ่มคนที่เดินทางเข้ามาพักอาศัยในค่ายผู้ลี้ภัยภายหลังจากที่ UNHCR ได้ขึ้นทะเบียนผู้ลี้ภัยแล้ว กลุ่มนี้
มีความเป็นไปได้ที่จะไม่ใช่กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสู้รบ แต่อาจจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลจากการเรียกเก็บภาษีจาก
หลายฝ่าย การถูกรังแกจากทหารพม่า/เมียนมาร์และทหารชนกลุ่มน้อย การเผชิญกับความอดอยากและการมองไม่เห็นว่าอนาคตจะ
ดีขึ้นอย่างไรหากยังอาศัยอยู่ในบ้านเกิดของตนเอง คนกลุ่มนี้อาจจะมีทั้งนักศึกษาที่ส�าเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจากประเทศ
พม่า/เมียนมาร์นักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อ เป็นต้น
44 45
ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว ทางเลือกเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาผู้ลี้ภัยในค่ายพักพิงชั่วคราว