Page 158 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 158

ฉบับนี้ได้กําหนดไว้กว้างกว่า พระราชบัญญัติมาตรการในการปูองกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก
                   พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๑ และ ๒ และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๓๗ ทวิ

                          ความผิดฐานการค้ามนุษย์ถือเป็นความผิดมูลฐาน ตาม พระราชบัญญัติปูองกันและปราบปราม
                   การฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒  ซึ่งการกําหนดดังกล่าวจะช่วยให้สามารถใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนที่มี
                   ประสิทธิภาพได้ รวมทั้งอํานาจในการยืดทรัพย์ตามที่ได้กฎหมายปราบปรามการฟอกเงินได้เอื้อต่อวิธีการ
                   ปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ

                          ๓. ให้การคุ้มครองผู้เสียหายที่เข้มแข็งขึ้น
                          โดย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับมอบหมายให้พิจารณาความ
                   ช่วยเหลือที่เหมาะสมในด้านที่พัก อาหาร การักษาพยาบาล การบําบัดฟื้นฟู การให้การศึกษา การ
                   ฝึกอบรม การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การส่งกลับไปยังประเทศเดิมหรือภูมิลําเนาของผู้นั้น การ

                   ดําเนินคดีเพี่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหาย และการอนุญาตให้ทํางานเป็นการชั่วคราวตาม
                   กฎหมาย โดยคํานึงเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมเป็นหลัก ดังนี้
                          การจัดสถานที่คุ้มครองชั่วคราวและสถานคุ้มครองหลัก ซึ่งในขณะนี้ กรมพัฒนาสังคมและ
                   สวัสดิการได้รับมอบหมายให้ยกร่างระเบียบต่างๆ เพื่อจัดบริการคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายในการรองรับ

                   การดําเนินงานตามกฎหมายใหม่นี้ ได้แก่ การจัดสถานที่ให้การคุ้มครองชั่วคราว ตามมาตรา ๒๙  ซึ่งจะใช้
                   เป็นสถานที่ในการสอบสภาพข้อเท็จจริงบุคคลที่สงสัยว่าอาจตกเป็นผู้เสียหาย โดยจัดสถานที่สัมภาษณ์
                   และดูแลอย่างเหมาะสมและคํานึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนโดยเคร่งครัด และมาตรการและการจัดสถาน

                   คุ้มครองผู้เสียหาย ซึ่งการให้ความช่วยเหลือต่างๆ ในระหว่างที่อยู่การดูแล ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาอาชีพ
                   ตามมาตรา ๓๓ ทั้งนี้ นัยตามมาตรานี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงการให้ผู้เสียหายเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ
                   ยุติธรรมมากขึ้น โดยให้มีการแจ้งสิทธิของผู้เสียหายที่พึงได้รับการคุ้มครองในแต่ละขั้นตอน ขอบเขตและ
                   ระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือ และต้องรับฟ๎งความคิดเห็นของผู้เสียหายก่อนด้วย รวมทั้งแจ้งสิทธิที่
                   จะเรียกและได้รับค่าสินไหมทดแทน โดยให้คํานึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความแตกต่างทางเพศ

                   อายุ สัญชาติ เชื้อชาติ ประเพณี วัฒนธรรมของผู้เสียหาย
                          การแจ้งสิทธิของผู้เสียหายที่พึงได้รับการคุ้มครองในแต่ละขั้นตอนทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการ
                   ช่วยเหลือตลอดจนขอบเขต ระยะเวลาในการดําเนินการช่วยเหลือในแต่ละขั้นตอน และต้องรับฟ๎งความ

                   คิดเห็นของผู้เสียหายก่อนด้วย
                          การแจ้งให้ทราบถึงสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน  ตามมาตรา ๓๔  กําหนดให้พนักงานสอบสวน
                   หรือพนักงานอัยการแจ้งให้ผู้เสียหายทราบถึงสิทธิที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทนและสิทธิที่จะได้รับความ
                   ช่วยเหลือทางกฎหมาย และให้พนักงานอัยการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนแทนผู้เสียหาย  และตามมาตรา

                   ๓๕  กําหนดให้เป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนแทนผู้เสียหาย  ซึ่งการ
                   เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามมาตรา ๓๕ นี้ เป็นการเรียกค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากมูลละเมิด
                   ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ – ๔๔๘ จึงเป็นกรณีเดียวกันกับการขอให้ศาลสั่งให้
                   ชดใช้ค่าเสียหายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๔๔/๑ และ ๔๔/๒

                          เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายชาวต่างชาติสามารถได้รับการผ่อนผันให้อยู่ใน
                   ราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราว และได้รับอนุญาตให้ทํางานเป็นการชั่วคราวตามกฎหมาย ตามมาตรา
                   ๓๗  โดยการขอผ่อนผันตามมาตรานี้ ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการดํานินคดี การรักษาพยาบาล
                   การบําบัดฟื้นฟู หรือการเรียกร้องสิทธิของผู้เสียหาย


                                                            ๑๓๘
   153   154   155   156   157   158   159   160   161   162   163