Page 155 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 155

(๗) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒
                          ความผิดฐานค้ามนุษย์ตามมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติปูองกันและปราบปรามการค้ามนุษย์

                   พ.ศ. ๒๕๕๑ ได้บัญญัติให้ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติปูองกัน
                   และปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. ๒๕๔๒  พระราชบัญญัตินี้จึงใช้ในการดําเนินการกับผู้กระทําความผิด
                   ฐานฟอกเงินโดยมีความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ดังที่ได้ระบุคํานิยามไว้ในมาตรา ๓ (๒) ไว้ดังนี้
                          มาตรา ๓ “ความผิดมูลฐาน” หมายความว่า

                          (๒) ความผิดเกี่ยวกับเพศตามประมวลกฎหมายอาญา เฉพาะที่เกี่ยวกับการเป็นธุระจัดหา ล่อไป
                   หรือพาไปเพื่อการอนาจารหญิงและเด็ก เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นและความผิดฐานพรากเด็กและผู้เยาว์
                   ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรการในการปูองกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็กหรือความผิดตาม
                   กฎหมายว่าด้วยการปูองกันและปราบปรามการค้าประเวณี เฉพาะที่เกี่ยวกับการเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือ

                   ชักพาไปเพื่อให้บุคคลนั้นกระทําการค้าประเวณี หรือความผิดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี
                   ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการค้าประเวณี หรือสถานการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุม ผู้กระทําการค้า
                   ประเวณีในสถานการค้าประเวณี
                          พระราชบัญญัติฉบับนี้ยังได้มีการบัญญัติฐานความผิดและบทกําหนดโทษสําหรับความผิดฐาน

                   ฟอกเงิน ตามมาตรา ๕ ระวางโทษจําคุกตั้งแต่ ๑ ปี – ๑๐ ปี ปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาท – ๒๐๐,๐๐๐
                   บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ตามมาตรา ๖๐ ไว้ว่า


                          มาตรา ๕ ผู้ใด
                          (๑) โอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดเพื่อซุกซ่อนหรือปกปิด
                              แหล่งที่มาของทรัพย์สินนั้น หรือเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ว่าก่อน ขณะ หรือหลังการกระทํา
                              ความผิดมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลงในความผิดมูลฐาน หรือ
                          (๒) กระทําด้วยประการใดๆ เพื่อปกปิดหรืออําพรางลักษณะที่แท้จริง การได้มา แหล่งที่ตั้ง การ

                              จําหน่าย การโอน การได้สิทธิใดๆ ซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด  ผู้นั้นกระทํา
                              ความผิดฐานฟอกเงิน


                          มาตรา ๖๐ ผู้ใดกระทําความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ ๑ ปี – ๑๐ ปี ปรับตั้งแต่
                   แต่ ๒๐,๐๐๐ บาท – ๒๐๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

                          นอกจากนี้พระราชบัญญัตินี้ได้กําหนดให้มีคณะกรรมการปูองกันและปราบปรามการฟอกเงินโดย

                   มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ มีอํานาจหน้าที่ในการเสนอมาตรการปูองกันและปราบปรามการ
                   ฟอกเงิน ส่งเสริมความร่วมมือของประชาชนเกี่ยวกับการให้ข้อมูลข่าวสารเพื่อปูองกันและปราบปรามการ
                   ฟอกเงิน รวมถึงการติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้  และมีคณะกรรมการธุรกรรม
                   โดยมีเลขาธิการของสํานักงานปูองกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นประธานมีอํานาจในการตรวจสอบ

                   ธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิด และสั่งยับยั้งการทําธุรกรรมใดที่เกี่ยวข้องหรืออาจ
                   เกี่ยวข้องกับการกระทําความผิดฐานฟอกเงิน





                                                            ๑๓๕
   150   151   152   153   154   155   156   157   158   159   160