Page 124 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 124
ในประเด็นรูปแบบ และเครือข่ายการค้ามนุษย์ที่สภาทนายความมีข้อมูล สมัยก่อนพูดถึงเรื่อง
การค้าหญิงและเด็ก ก็เน้นในเรื่องของการประเวณี เน้นในผู้หญิงและเน้นในเรื่องนี้ และรัฐก็สนใจแต่
เฉพาะเรื่องนี้ ต่อมาการค้ามนุษย์ก็มีความกว้างขึ้น ผู้ชายก็โดนได้ เรือประมงก็โดนได้ แรงงานก็โดนได้
ถึงแม้เป็นผู้ลี้ภัยมาก็โดนได้ ทุกคนมีสิทธิ์เท่ากันหมด ดังนั้นขบวนการนี้ก็มีการปรับตัวตามเรื่องเหล่านี้ด้วย
ในช่วงหลังมีการเอาคนมาขายโดยตรงเลย
“ขบวนการค้ามนุษย์มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ มีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจเชิงนโยบายด้วย แต่
มักจะปกปิดเรื่องเหล่านี้ไว้ ถามว่าทําไมปกปิดเพราะว่า ตอนโรฮิงญาเข้ามาประเทศไทยช่วงแรกๆ ทางเรือ
จะมีคน โทรมาที่สภาทนายความว่าตอนนี้มีเรือที่บรรทุกโรฮิงญามา ๒ ลํา ลําหนึ่งมี ๙๕ คน อีกลําหนึ่งมี
๑๐๑ คน ให้ไปรับหน่อย แล้วก็วางสายไป ๔ – ๕ วันก็โทรมาอีก เข้ามาอีก ๑ ลําแล้ว ตอนนี้ถึงเกาะนี้
แล้ว แจ้งยอดเสร็จ ทําไมต้องมาแจ้งสภาทนายความ ก็แปลกใจ เขามีข้อมูลเขามีกระบวนการเสร็จสับ มี
การแสดงตัว แล้วการที่เจ้าหน้าที่ฝุายความมั่นคงจับแล้วผลักดันชาวโรฮิงญาออก ไม่มีอยู่ในกฎหมาย ผิด
กฎหมายทั้งนั้น ไม่ว่าเป็นกฎหมายคนเข้าเมืองหรือวิธีการผิดกฎหมายทั้งนั้น ไม่ว่าเป็นทหารหรือตํารวจ
ตอนนี้คือการผลักดันเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าเรือประมงมาไทย ข้ามดินแดนไทยมา ๑ ก้าว ๒ ก้าว ทหารผลักดัน
ได้ เรารู้ว่าเขาไม่มีเจตนาล้ําแผ่นดินไทย ไม่รุกเขตแดน ผลักดันก็คือผลักดัน พอเขาออกนอกประเทศไทย
แล้วก็จบหน้าที่เรา ทหารเป็นรั้วกั้นไม่ให้เข้ามา ก็แค่ดันธรรมดา อันนี้ทําได้ แต่ถ้าเขาเข้ามาห่างจาก
ชายแดนไทย ๑๐๐ ไมล์ทะเล มันไม่ใช่ชายแดน ไม่ใช่หน้าทีทหาร เป็นหน้าที่ตํารวจ ตามปกติแล้วก็ใช้
กฎหมายคนเข้าเมือง ซึ่งไม่มีคําว่าผลักดัน แต่มีคําว่าส่งกลับ ส่งก็ต้องมีคนรับ ผลักดันไม่ต้องมีคนรับ คน
ส่งมีคนรับก็ให้ประเทศต้นทางเป็นคนรับอย่างเป็นทางการและกลับก็ต้องกลับบ้านที่เขามา อันนี้เป็นคําที่
ชัดเจน ถามว่าคนเหล่านี้เราเคยส่งกลับไหม ไม่เคย ประเทศพม่า ประเทศบังคลาเทศไม่เคยรับกลับเลย”
“เจ้าหน้าที่ฝุายความมั่นคงก็บอกว่า ผลักดันออกไปแล้ว ๑๐๒ คน ลํานี้ ๕๕ คน มีรายงานของ
ฝุายความมั่นคงตลอดเวลา ยิ่งผลักไปก็แห่เข้ามาใหม่อีก ไปมาเลเซียยิ่งผลักยิ่งเพิ่ม ยิ่งผลักยิ่งได้เงิน
ผลงานก็มี เงินก็ได้ชุดใหม่ก็มาอีก เข้ามาเรื่อยๆ เพราะอะไรมันไปได้ มันสะดวก ผลักไปเมื่อไรก็สะดวกเมื่อ
นั้น สภาทนายความบอกตลอดเวลาว่าอย่าผลักดัน ให้จับ ให้ใช้กฎหมายคนเข้าเมือง เราเป็นนักกฎหมาย
ใช้กฎหมายคนเข้าเมืองส่งขึ้นศาล ศาลจะตัดสินเขาผิดยังไง เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิไปผลัก จนสํานักข่าว CNN
ออกข่าวทั่วโลกว่าทหารเรือไทยจับมา ๒ ลํา แล้วก็ผลักออกไป ประมาณ ๑๖๐ – ๑๗๐ คน และชุดนี้ออก
ทะเลอันดามันไปแล้ว ไม่มีใครเจอเลย เขาเช็คข่าวทั่วโลกเลยว่าไม่มีใครเจอ รัฐบาลไทยไม่ปฏิเสธ แต่
ออกมาพูดว่า ไม่ใช่เรือของ ไทยเสียหน้ามากในกรณีนี้
“ขบวนการค้ามนุษย์ต้องการเงินไม่เน้นว่าต้องไปทําที่ไหน ส่งแค่จุดนี้จุดเดียวเขาตั้งค่าหัวไว้
๖๐,๐๐๐ บาท ตอนนี้ขึ้นมา ๗๐,๐๐๐ บาทแล้ว ถ้าเอาญาติหรือใครมาจ่าย ๗๐,๐๐๐ มาเอาไปได้เลย ไม่
สนใจถ้าติดต่อกับญาติว่าจะไปมาเลเซีย ต่อมาอยากกลับบ้านเอามา ๗๐,๐๐๐ บาท แต่ถ้ามีญาติมาไถ่เลย
อาจจะลดลงมาเหลือ ๕๐,๐๐๐ บาท แล้วเรือประมงก็เอาไป แต่เขาจะไม่ให้เรือประมงก่อน ต้องให้ญาติ
ก่อนเพราะมันจะเรียกเงินได้ก้อนใหญ่ และก็จากญาติกลุ่มนี้เข้ามาไทยแล้วก็มีขบวนการกลุ่มนี้ญาติก็ไม่ได้
เอาเขาไปเองได้ ขบวนการต้องพาไป คิดว่าเอาไปขังอีกรอหนึ่งแล้วไถ่อีกรอบหนึ่ง คือมันจะได้มากกว่า ถ้า
เกิดขายขาดไปแล้วมันจะได้น้อย มีไปลงเรือประมงก็เยอะ ทําสวนยางก็มีบ้างแต่ก็ไม่มากนักเพราะมีญาติๆ
ที่เคยมาอยู่แล้ว อยู่ประเทศไทยทําเงินสู้ประเทศมาเลเซียไม่ได้ มาเลเซียเจริญกว่าเยอะ เขาอยากไปทาง
มาเลเซียมากกว่า”
๑๐๔