Page 115 - รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการวิจัยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ของประเทศไทย และความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน
P. 115

คืนก็ได้ ซึ่งก็เป็นแรงจูงใจที่ดีเพราะไม่ต้องออกเงินเลย เอาตัวเองมาแค่นั้น ซึ่งนายหน้าก็มีเปูาหมายว่าเมื่อ
                   ได้คนมาก็ต้องนําลงเรือเพื่อไปขายเลย  ผู้ถูกหลอกส่วนใหญ่เป็นผู้ชายอายุตั้งแต่ ๑๘ -๕๐ ปี และจะไม่

                   สามารถติดต่อสื่อสารกับใครได้เลย จะมีการยึดโทรศัพท์มือถือ”
                          “คนที่ถูกหลอกไปลงเรือประมง ถ้าเลวร้ายที่สุดก็จะเป็นภาคใต้ ที่ไม่ให้ค่าตอบแทนเลย ให้ทําอยู่
                   ๔ ปี ไม่ได้อะไรเลย case นี้อายุ ๕๖ ปี  เปลี่ยนเรือไป ๓ ลํา ลําแรกอยู่ ๑ ปี ลําที่ ๒ อยู่ ๒ ปี และลําที่ ๓
                   อยู่ ๑ ปี  ไต๋กงเห็นว่าเริ่มแก่แล้วก็เลยให้ขึ้นฝ๎่งให้ไปเอาค่าแรงที่นายจ้าง นายจ้างก็บอกว่าถ้าอยากได้เงิน

                   ให้ลงเรือไปอีก  เขาก็เลยเดินเร่ร่อนออกมา และได้รับการช่วยเหลือ แต่ถ้าเป็นคดีที่เคยไปช่วยเหลือที่
                   ชลบุรี อันนี้หลักฐานค่อนข้างอ่อน มันเลื่อมล้ําระหว่างค้ามนุษย์กับใช้แรงงานโดยมิชอบ เพราะเหยื่อลงเรือ
                   ไปแค่ ๑๕ วัน แล้วเขามีมือถือ เขาแอบติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทัน พอช่วยเหลือมาได้มันมีหลักฐานที่
                   นายจ้างได้หักเงินเดือนเป็นค่าตัวออกให้นายหน้า มีหลักฐานว่าค่าตัว ๑๖,๐๐๐ บาท  แล้วนายจ้างก็บอก

                   ว่าเดือนนี้ทํางานได้ ๑๕ วันก็หักออกไป ๑๗,๐๐๐ มันก็เลยเลื่อมล้ํา เรียกว่านายหน้าไม่จ่ายเงิน หรือจ่าย
                   แล้วแค่หักค่าหัวออกไป นายหน้าจะมีมากกว่า ๑ คน มีคนไทยด้วย คนไทยจะเป็นคนขับรถเพราะจะต้อง
                   เป็นคนไทยถึงจะขับรถได้  และเป็นตัวเชื่อมกับเจ้าของเรือ ส่วนใหญ่พม่าที่เข้ามาก็คือ ลักลอบเข้ามาผิด
                   กฎหมาย ไม่ผ่านด่าน แต่ไม่โดนจับจนเข้าไปสู่กระบวนการค้ามนุษย์ผู้ตกเป็นเหยื่อประมาณ ๔ – ๕ คน

                   ต่อนายหน้าคนหนึ่งที่หลอกเข้ามา
                          คดีที่เกิดขึ้นที่ อ.กันตัง เมื่อปี ๒๕๕๕ มีการบังคับใช้แรงงานโหดมาก และถ้าใครที่คิดจะหนีก็จะมี
                   การฆ่าตายต่อหน้าต่อตากันเลย  หรือบางคนทํางานไม่ดีก็โดนตีตาย แล้วก็โยนลงทะเล เหยื่อบางคนก็โดน

                   ถูกทําร้ายทุบตี ที่มูลนิธิฯได้สัมภาษณ์มา ที่อยู่บนเรือนานที่สุด ก็ ๔ ปี และอยู่บนเรือตลอดเวลา ไม่ได้เห็น
                   แผ่นดินเลย ความต้องการแรงงานในเรือประมงมีมาก ไม่จํากัด ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี บนเรือก็มีแรงงานไทย
                   ด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นคนอีสานที่ถูกหลอก แล้วอีกคดีหนึ่งก็จะมีที่อินโดนีเชีย ที่ LPN ไปช่วย ที่คนไทยโดน
                   หลอก ซึ่งส่วนใหญ่ที่เป็นแรงงานไทยบางคนก็โดนโปฺะยาสลบก่อนแล้วเอาไปขึ้นเรือ จะไม่ได้โดนหลอกโดย
                   การชักจูงสักเท่าไหร่  พวกนี้ก็จะติดต่อญาติไม่ได้เลยเพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือ ถ้ามีอยู่กลางทะเลก็จะไม่มี

                   สัญญาณ หรือไม่ก็ต้องรอให้ใกล้ฝ๎่งมีสัญญาณถึงโทรได้ ไต้ก๋งจะ ไม่ได้เป็นเจ้าของเรือ แต่จะเป็นคนที่ดูแล
                   และได้ส่วนแบ่งจากนายจ้างจากที่จับปลาได้บนเรือนั้น บางคนที่ทํางานก็ไม่เคยเห็นหน้านายจ้าง มันก็เลย
                   เป็นป๎ญหาที่แรงงานจะไม่รู้ว่าใครเป็นนายจ้าง ทําให้ตํารวจสาวไปไม่ถึงนายจ้าง แล้วตํารวจก็ไม่สืบด้วย

                   เขาบอกว่าแรงงานไม่ได้บอกให้ดําเนินคดีกับนายจ้าง  ไต้ก๋งก็อยู่ในเรือ จริงๆ ก็จับได้ ถ้าจะจับแต่ไม่จับเอง
                   เวลาให้ตํารวจไปช่วยเหลือเขาก็จะไปช่วยแต่แรงงานจริงๆ ไม่แตะต้องคนอื่นเลย  แล้วพวกแรงงานที่จับมา
                   มันก็จะมีพวกลูกน้องของไต้ก๋งติดมาด้วย มันก็ยิ่งทําให้น้ําหนักของหลักฐานที่จะเอาผิดพวกนั้นลดลง
                   เพราะพวกลูกน้องไต้ก๋งที่ติดมา เขาก็จะให้ข้อมูลว่าเรือให้การดูแลดี ไม่เคยโดนตี เลย

                          จากประสบการณ์ของมูลนิธิฯ พบว่า อุตสาหกรรมที่มีการค้ามนุษย์มากที่สุดคืออุสาหกรรม
                   ประมง ซึ่งการดําเนินคดีมีป๎ญหามาก ทั้งหลักฐาน หรือการที่เจ้าหน้าที่ตํารวจจะดําเนินการหาหลักฐาน
                   หรือระยะเวลาการดําเนินคดียาวมาก ตามหลักเจ้าหน้าที่ตํารวจจะต้องทําสํานวนส่งให้อัยการภายใน ๖
                   เดือน แต่บางกรณีที่ใช้เวลาเป็นปี แล้วผู้เสียหายต้องมาอยู่ในบ้านพักเป็นเวลานานเกินจําเป็น จะมีป๎ญหา

                   ตั้งแต่พนักงานดําเนินคดีตั้งแต่ในขั้นตอนการสอบสวน อันนี้เป็นป๎ญหามาก
                          กฎหมายปูองกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ปี ๒๕๕๑ ยังมีป๎ญหาการตีความคําว่าถูกแสวงหา
                   ประโยชน์ยังคลุมเครืออยู่  ในส่วนของพนักงานสอบสวนที่ได้รับร้องเรียน หรือรับตัวเหยื่อมา ก็ต้องมีการ
                   คัดแยกเหยื่อ ซึ่งในแบบฟอร์มการคัดแยกเหยื่อไม่ละเอียดพอที่จะตีความได้ว่าตกเป็นเหยื่อหรือไม่ บางที


                                                             ๙๕
   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119   120