Page 30 - รายงานการศึกษาวิจัย บทบาทของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติในการคุ้มครองการละเมิดสิทธิมนุษยชนของภาคเอกชน
P. 30
30 รายงานการศึกษาวิจัย บทบาทของสถาบันสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ในการคุ้มครองการละเมิดสิทธิมนุษยชนของภาคเอกชน
หลังจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เมื่อวันที่
24 สิงหาคม 2550 ได้มีการเปลี่ยนแปลงบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
แห่งชาติ โดยมาตรา 256 และมาตรา 257 ซึ่งมีสาระสำาคัญแตกต่างจากรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ในประการสำาคัญด้วยกัน 5 ประการ ได้แก่
สถานะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตาม
1.
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย พุทธศักราช 2550
เนื่องด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้จัดรูปองค์กรของรัฐ
กล่าวเฉพาะส่วนขององค์กรตามรัฐธรรมนูญได้แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1) องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายถึง องค์กรที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ
ประกอบรัฐธรรมนูญ มีด้วยกันทั้งสิ้น 4 องค์กร ได้แก่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
2) องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายถึง องค์กรที่รัฐธรรมนูญกำาหนดให้จัดตั้งขึ้น
และมีพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์กรเป็นการเฉพาะ ประกอบด้วย องค์กรอัยการ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคม
แห่งชาติ
2. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2550 ได้กำาหนดให้มีกรรมการทั้งสิ้น 7 คน ดำารงตำาแหน่งประธานกรรมการ 1 คน
และกรรมการอื่นอีก 6 คน ซึ่งลดลงจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตาม
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ซึ่งแต่เดิมกำาหนดให้มีกรรมการทั้งสิ้น
11 คน โดยยังคงให้มีสำานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมีเลขาธิการ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นผู้บริหารสูงสุดของสำานักงาน ปฏิบัติหน้าที่เป็นฝ่าย
อำานวยการและเป็นเลขานุการเพื่อสนับสนุนการทำางานของคณะกรรมการคงเดิม
3. กระบวนการสรรหาและเลือกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
วิธีการได้มาซึ่งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ได้กำาหนดวิธีการสรรหาไว้ ด้วยการกำาหนดให้มี