Page 201 - รายงานผลการศึกษาวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรื่อง แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดแนวเขตที่ดินของรัฐ
P. 201

๑๗๔



               เกี่ยวกับสิทธิในที่ดินจึงมีจ านวนเพิ่มมากขึ้น การแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าว ต้องใช้ทั้งแนวเขตและสภาพ

               ข้อเท็จจริงในพื้นที่ที่มีการหวงห้ามเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหา

                       การประกาศก าหนดให้เป็นที่ดินของรัฐแบ่งแยกออกตามวัตถุประสงค์หรือนโยบายของรัฐได้เป็น
               2 ประเภท คือ


                       1) เป็นพื้นที่ที่รัฐมีวัตถุประสงค์ในการสงวนเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกันในพื้นที่ ทั้งแก่รัฐและแก่
               ประชาชน

                       2) เป็นพื้นที่ที่รัฐมีวัตถุประสงค์ในการสงวนเพื่อการสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติ


                       จากที่กล่าวมาในการก าหนดแนวเขตที่ดินของประเทศไทย ให้เป็นพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐ
               ที่ส าคัญ ได้แก่ ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินโดยมีหนังสือส าคัญส าหรับที่หลวง หรือการก าหนดพื้นที่

               อนุรักษ์ เช่น ก าหนดพื้นที่ให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่า หรือเขตอุทยาน
               แห่งชาติ มีการก าหนดกระบวนงาน และขั้นตอนการปฏิบัติงานออกมาอย่างรัดกุมครบถ้วนแล้วก็ตาม หรือ

               แม้แต่การก าหนดเขตปฏิรูปที่ดินที่เป็นการให้สิทธิกับประชาชน ก็ล้วนแต่มีปัญหากระทบกับสิทธิในที่ดิน
               ของประชาชนทั้งสิ้น ซึ่งสรุปประเด็นปัญหาได้ ๓ ประการ ดังนี้

                       ๑. แนวเขตที่ก าหนดมีการทับซ้อนกันระหว่างพื้นที่ของหน่วยงานต่างๆ

                       ๒. แนวเขตที่ก าหนดมีความผิดพลาด ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง  ซึ่งในสภาพปัญหานี้สามารถ
               จ าแนกได้เป็น ๓ ปัญหาย่อย คือ

                              ๒.๑ การไม่ยอมรับ
                              ๒.๒ ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง

                              ๒.๓ แนวเขตที่ก าหนดล้าสมัย
                       ๓. ความล่าช้าในการก าหนดแนวเขตพื้นที่สงวนหวงห้ามของรัฐ


                       การมีส่วนร่วมของประชาชน แบ่งระดับการมีส่วนร่วมเป็น ๕ ขั้น โดยแต่ละขั้นจะเรียงล าดับจาก
               การให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุดไปถึงระดับน้อยที่สุด ดังนี้

                              (๑) การมีส่วนร่วมในระดับให้อ านาจกับประชาชน


                              (๒) การมีส่วนร่วมในระดับสร้างความร่วมมือ

                              (๓) การมีส่วนร่วมในระดับการเข้ามีบทบาท

                              (๔) การมีส่วนร่วมในระดับหารือ เป็นลักษณะการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล

               ข้อเท็จจริง ความรู้สึก ความคิดเห็นประกอบการตัดสินใจ ดังนั้น ประชาชนจึงมีบทบาทในการให้เฉพาะ
               ข้อมูลเท่านั้น ส่วนการตัดสินใจก็เป็นของหน่วยงานทางภาครัฐ

                              (๕) การมีส่วนร่วมในระดับข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเป็นระดับต่ าสุดในการมีส่วนรวม บทบาท

               ของประชาชนจะน้อยมากเพราะรัฐจะเป็นเพียงผู้ให้ข้อมูลกับประชาชนเพียงด้านเดียว และประชาชนไม่มี
   196   197   198   199   200   201   202   203   204   205   206