Page 62 - รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557
P. 62

รายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำาปี ๒๕๕๗ 61











                                      F  การสอบสวนผู้ต้องหาที่ล่าช้า การใช้วิธีการบังคับขู่เข็ญ การทำาร้ายร่างกาย

                                         การหลอกลวงให้รับสารภาพ
                                      F  การพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการที่ล่าช้าเกินสมควร การใช้ดุลยพินิจ

                                         ที่ไม่สุจริต
                                      F  การถูกทำาร้ายและการตรวจค้นร่างกายในเรือนจำาโดยไม่คำานึงถึงศักดิ์ศรี

                                         ความเป็นมนุษย์การปฏิบัติที่ไม่ชอบ การสอบสวน การลด-เลื่อนชั้นของผู้ต้องขัง
                                         รวมถึงความไม่เหมาะสมของการใช้เครื่องพันธนาการและสถานที่ควบคุม

                                                                                           ้
                                      ทั้งนี้ กสม. ได้ตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมในส่วนปลายนำาที่เกี่ยวกับงาน
                       ทัณฑปฏิบัติ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และนักโทษ  และได้จัดทำาข้อเสนอแนะต่อ
                       กรมราชทัณฑ์ให้จัดให้มีห้องจำาเพาะสำาหรับการพบนักโทษเป็นการส่วนตัว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นใน

                       การตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งต่อมา กรมราชทัณฑ์ได้ยืนยันถึง

                       ความมุ่งมั่นในการพัฒนาและการสร้างมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังโดยคำานึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนและ
                       ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยให้เรือนจำาจัดเตรียมห้องทนายความเข้าพบผู้ต้องขังเกี่ยวกับคดีหรือสถานที่
                       พบปะที่เหมาะสมซึ่งสามารถนำามาใช้ในการพบนักโทษเพื่อการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้  ๑๕

                                      อนึ่ง ยังมีเรื่องร้องเรียนว่า หน่วยราชการได้กำาหนดคุณสมบัติของผู้เข้ารับราชการ

                       ว่า “ไม่เคยเป็นผู้ต้องโทษจำาคุกโดยคำาพิพากษาถึงที่สุดให้จำาคุก เว้นแต่เป็นความผิดที่ได้กระทำาโดยประมาท
                       หรือความผิดลหุโทษ”  ดังนั้น ผู้พ้นโทษจึงไม่สามารถเข้ารับราชการได้  แม้ว่าจะได้รับการล้างมลทิน
                       ตามพระราชบัญญัติล้างมลทินเนื่องในโอกาสสำาคัญต่างๆ แล้วก็ตาม แต่ยังคงมีชื่อปรากฏในทะเบียน

                       ประวัติอาชญากร ทำาให้ไม่สามารถเข้ารับราชการได้

                            ๓)  การประเมินสถานการณ์


                                 โดยที่ กสม. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมเพิ่มมากขึ้น และสาเหตุของ
                       ข้อร้องเรียนยังคงเป็นประเด็นเดิมที่เคยมีการร้องเรียนต่อ กสม.  ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องกำาชับ กวดขันให้

                       เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติเคารพกฎหมายอย่างจริงจังและปฏิบัติหน้าที่โดยเคารพหลักสิทธิมนุษยชนเพื่ออำานวย
                       ความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง

                                 ในปี ๒๕๕๗ ยังคงมีการกระทำาทรมาน และบังคับสูญหายอย่างต่อเนื่อง และหลายกรณี
                       อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำาของเจ้าหน้าที่ของรัฐและโดยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถนำาตัวผู้กระทำาความผิด

                       มาลงโทษได้ เช่น กรณีการหายตัวไปของนายพอละจี (บิลลี่)  รักจงเจริญ แกนนำาชาวกะเหรี่ยงบ้าน
                       บางกลอยอำาเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ที่หายสาบสูญไปหลังจากที่ถูกเชิญไปพบเจ้าหน้าที่รัฐ

                       เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๗  โดยถึงปัจจุบันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่สามารถติดตามหาตัวได้
                       แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ และได้ลงนามอนุสัญญาว่าด้วย



                       ๑๕  หนังสือกรมราชทัณฑ์ ที่ ยธ ๐๗๐๕.๑/๓๑๘๒๔ ลงวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๗ เรื่อง พิจารณาจัดให้มีห้องพิเศษเพื่อพบนักโทษ
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67