Page 362 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 362

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                                                                                               National Human Rights Commission of Thailand

                        วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2518 หนังสือพิมพเดลิไทมขาววา “รัฐมนตรีชวยวาการกระทรวงเกษตร

               และสหกรณ  มั่นใจวาการปฏิรูปที่ดินจะชวยชาวนาได  และเสนอใหสภานิติบัญญัติพิจารณาวาระ 2 และ 3

               รวดเดียว” ในวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2518 สภานิติบัญญัติแหงชาตินํารางพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดิน

               เพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. .... เขาสูการพิจารณา และมีการประชุมตอในวันที่ 17 และ18 มกราคม พ.ศ. 2518
               สภานิติบัญญัติแหงชาติมีมติใหความเห็นชอบในวาระ 3

                        ตอมาวันที่ 14  กุมภาพันธ พ.ศ. 2518  นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกรัฐมนตรี รับสนองพระบรมราชโองการ

               และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เลม 92 ตอนที่ 54 (ฉบับพิเศษ) วันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2518 มีผลบังคับใช

               ตั้งแต วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2518 รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ จึงมีคําสั่งให ดร.ไชยยงค ชูชาติ รองอธิบดี
               กรมพัฒนาที่ดินเปนผูรักษาการรองเลขาธิการสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอีกตําแหนงหนึ่ง

               ตั้งแตวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2518

                        เหตุผลในการประกาศใชพระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ ประเทศไทยเปนประเทศเกษตรกรรมประชากร

               สวนใหญมีอาชีพในการเกษตร ที่ดินจึงเปนปจจัยสําคัญและเปนรากฐานเบื้องตนของการผลิตทางการเกษตรกรรม
               แตปจจุบันปรากฏวา เกษตรกรกําลังประสบความเดือดรอน เนื่องจากตองสูญเสียสิทธิในที่ดินและกลายเปน

               ผูเชาที่ดิน ตองเสียคาเชาที่ดินในอัตราสูงเกินสมควร ที่ดินขาดการบํารุงรักษา จึงทําใหอัตราผลิตผลเกษตรกรรม

               อยูในระดับตํ่า เกษตรกรไมไดรับความเปนธรรมและเสียเปรียบจากระบบการเชาที่ดินและการจําหนายผลิตผล

               ตลอดมา ซึ่งสงผลใหเกิดภาวะความยุงยากทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม การปกครอง และการเมืองของประเทศ
               เปนอยางมาก ซึ่งเปนความจําเปนอยางยิ่งที่รัฐจะตองดําเนินการแกไขปญหาดังกลาวโดยดวนที่สุด โดยวิธีการ

               ปฏิรูปที่ดินเพื่อชวยใหเกษตรกรมีที่ดินทํากินและใหการใชที่ดินเกิดประโยชนมากที่สุด พรอมกับการจัดระบบ

               การผลิตและจําหนายผลิตผลเกษตรกรรมเพื่อใหความเปนธรรมแกเกษตรกร ทั้งนี้ เพื่อเปนการสนองแนวนโยบาย

               แหงรัฐในการลดความเหลื่อมลํ้าในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคม ตามที่ไดกําหนดไวในรัฐธรรมนูญ
               จึงจําเปนตองตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้น

                        บทบัญญัติตามมาตรา 9 แหงพระราชบัญญัตินี้ใหจัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่ง เรียกวา กองทุน

               การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในกระทรวงการคลังประกอบดวยเงินและทรัพยสิน ตามมาตรา 10 เพื่อเปน

               ทุนหมุนเวียนและใชจายเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
                        วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2518  รัฐมนตรีวาการกระทรวงเกษตรและสหกรณเสนอขอความเห็นชอบ

               การแตงตั้งคณะกรรมการเตรียมงานโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและ

               ใหแตงตั้งคณะกรรมการเตรียมงานโครงการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมได ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณเสนอ

               ตอมา ในวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519  ไดมีการประกาศใชพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
               (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2519  ซึ่งเปนการแกไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 โดยมีเหตุผล





                                                                       รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข  341
                                                                นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   357   358   359   360   361   362   363   364   365   366   367