Page 361 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 361

สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
                National Human Rights Commission of Thailand

                         ดังที่กลาวมาขางตน ปญหาที่ดินทํากินถือวาเปนปญหาใหญของประเทศ ทั้งรัฐบาลและสภานิติบัญญัติ

                แหงชาติตางก็เห็นปญหา เนื่องจากมีชาวไรชาวนาเดินขบวนเรียกรองตลอดทั้งป 2517 สภานิติบัญญัติแหงชาติ

                ใหความเห็นชอบกับรางรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา

                เลม 91 ตอนที่ 169 วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2517 โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ประธานสภานิติบัญญัติแหงชาติ
                เปนผูรับสนองพระบรมราชโองการรัฐธรรมนูญฉบับดังกลาวนี้ ซึ่งในหมวด 5 แนวนโยบายแหงรัฐ มีบทบัญญัติ

                3 มาตรา  คือ มาตรา 79  มาตรา 80  มาตรา 81 บัญญัติไววา

                         มาตรา 79 บัญญัติวา รัฐพึงดําเนินการใหความเหลื่อมลํ้าในฐานะของบุคคลในทางเศรษฐกิจและสังคม

                ลดนอยลง
                         มาตรา 80 บัญญัติวา รัฐพึงจัดระบบการถือกรรมสิทธิ์และการครอบครองที่ดินเพื่อประโยชน

                แหงการสงเสริมเกษตรกรรมหรืออุตสาหกรรม และพึงกําหนดพันธะใหเจาของที่ดินใชที่ดินใหเปนประโยชน

                ตามความเหมาะสมแกสภาพของที่ดิน

                         มาตรา 81  บัญญัติวา  รัฐพึงสงเสริมใหเกษตรกรมีกรรมสิทธิ์ และสิทธิในที่ดิน เพื่อประกอบเกษตรกรรม
                อยางทั่วถึง โดยการปฏิรูปที่ดินและวิธีการอื่น

                         วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2517 หนังสือพิมพเดลิไทม เสนอขาววา รัฐบาลจะการเสนอรางพระราชบัญญัติ

                ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ใหสภานิติบัญญัติพิจารณาในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2517 โดยอางคําใหสัมภาษณ

                ของ ดร.ประกอบ หุตะสิงห รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2517 และมีการพาดหัวขาววา
                “เข็น ก.ม. ชวยชาวนาเขาสภาดวน ใชเงินพรีเมี่ยมบังคับซื้อที่ดิน จัดสรรปาสงวนใหทํากิน” รายละเอียดวา

                “ก.ม.ปฏิรูปใหเกษตรกรทํากินคนละ 50 ไร  กําหนดโทษจําคุกเจาของที่ดินผูขัดขืน”

                         เมื่อรัฐบาลจะการเสนอรางพระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ใหสภานิติบัญญัติพิจารณา

                เนื่องจากสภานิติบัญญัติยังตองพิจารณากฎหมายซึ่งยังคางพิจารณาอยูอีก 70 ฉบับ รับหลักการวาระแรกไปแลว
                20 ฉบับ ญัตติเปดอภิปรายไมไววางใจรัฐบาล และญัตติพิจารณาแกไขรัฐธรรมนูญจนถึงเดือนมกราคม 2518

                สภานิติบัญญัติแหงชาติ จึงมีมติใหมีการประชุมถึง 23.00 น. ทุกวัน เพราะสภานิติบัญญัติแหงชาติจะหมดอายุ

                ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2518  ตามที่ไดกําหนดใหมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรเปนการทั่วไป

                         วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2517 ไดมีการประกาศใชพระราชบัญญัติควบคุมการเชานา พ.ศ. 2517
                โดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา เลม 91 ตอนที่ 215 ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2517 เหตุผลในการประกาศใช

                พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติควบคุมการเชานา พ.ศ. 2493 ซึ่งใชบังคับอยูในปจจุบันยังไม

                เหมาะสม เพราะสภาพการทํานาเปลี่ยนแปลงไป มาตรการที่กําหนดไวในกฎหมายดังกลาวจึงไมเพียงพอ

                ประกอบกับวิธีการกําหนดคาเชานาขั้นสูงซึ่งกําหนดไวเปนการแนนอนในกฎหมายนั้นยังไมเปนธรรม สมควรกําหนด
                ตามสภาพของทองที่และประเภทของขาวหรือพืชไรที่เพาะปลูก  โดยคํานึงถึงคาใชจายในการลงทุนของผูเชานาดวย





         340     รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข
                 นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”
   356   357   358   359   360   361   362   363   364   365   366