Page 123 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 123
สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
National Human Rights Commission of Thailand
2. การสํารวจพื้นที่ดังกลาวขางตน ใหดําเนินการดังนี้
2.1 ควรมีการตรวจสอบโดยภาพถายทางอากาศ มาตราสวน 1 : 15,000 ที่ถายใหมที่สุด
เพื่อประเมินดูสภาพปาโดยทั่วไปหากมีพื้นที่ปาที่สมบูรณใหกันออก
2.2 ใหสํารวจโดยวิธีทําแปลงตัวอยางแบบ Line Plot ใหกระจายทั่วพื้นที่ไมนอยกวา
รอยละหา เพื่อหาปริมาตรของไมตาง ๆ ในการประเมิน ไมควรใชคาเฉลี่ยตอพื้นที่ปาผืนใหญ เพื่อใหเปนไปตาม
หลักเกณฑควรใชคาเฉลี่ยตอพื้นที่ปาในแตละแปลงที่สํารวจ ถาพื้นที่แปลงใดมีคาเฉลี่ยเกินเกณฑที่กําหนด
ตั้งแต 1 ไรขึ้นไป ใหกันไวเพื่อใหไมเหลานั้นเจริญเติบโตไดตามธรรมชาติ
3. ในกรณีที่ปาไมอยูในพื้นที่ตนนํ้าลําธารชั้นที่ 1 เอ และ 1 บี และชั้นที่ 2 แมจะมีตนไมนอย
เพียงใดก็ตาม ก็มิใหกําหนดเปนปาเสื่อมโทรม
คณะกรรมการนโยบายปาไมแหงชาติ ในการประชุมครั้งที่ 2/2532 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2532
ไดพิจารณาขอเสนอของกรมปาไมที่ขอใหทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑและเงื่อนไขในการกําหนด
สภาพปาเสื่อมโทรมขางตนแลว มีมติเห็นชอบตามขอเสนอของกรมปาไม และใหนําเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
ตอไปโดยใหรัฐเพิ่มการสนับสนุนงบประมาณดานการปลูกปาในพื้นที่ปาตนนํ้าลําธารชั้นที่ 1 และ 2 ใหกรมปาไม
มากกวาที่เปนอยูในขณะนี้ ในเรื่องที่จะขอใหรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับหลักเกณฑ
และเงื่อนไขในการกําหนดสภาพปาเสื่อมโทรมครั้งนี้ มุงที่จะแกไขปญหาในทางปฏิบัติที่เกิดขึ้นจากหลักเกณฑ
และเงื่อนไขของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2529 และเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2530
อันจะมีผลใหกรมปาไมสามารถอนุญาตใหเอกชนใชพื้นที่ปาไมเพื่อการปลูกปาไดรวดเร็วขึ้น จึงขอแกไขหลักเกณฑ
และเงื่อนไขในการกําหนดสภาพปาเสื่อมโทรมจากที่กําหนดไวเดิมเปนดังนี้
1. เปนปาไมที่มีคาที่มีลักษณะสมบูรณเหลืออยูเปนสวนนอย และปานั้นยากที่จะกลับฟนคืนดีได
ตามธรรมชาติ โดยมีไมขนาดความโตวัดโดยรอบลําตนที่สูง 13 เซนติเมตร ตั้งแต 50 - 100 เซนติเมตร ขึ้นกระจาย
อยูทั่วพื้นที่ไมเกินไรละ 8 ตน หรือมีไมขนาดความโตเกิน 100 เซนติเมตรขึ้นไป ขึ้นกระจายอยูทั่วพื้นที่ไมเกิน
ไรละ 2 ตน โดยมีเหตุผลที่ขอแกไข ดังนี้
1) ประเด็นที่เกี่ยวกับจํานวนลูกไมมีคาที่มีขนาดความสูงเกิน 2 เมตร เปนปญหาในทาง
ปฏิบัติทําใหเจาหนาที่ตรวจสภาพปาไมกลาตัดสินใจ เพราะเกรงจะเกิดปญหาเนื่องจากในขณะตรวจสอบลูกไม
เหลานั้นยังสูงไมถึง 2 เมตร แตกวาที่จะไดรับอนุญาตลูกไมอาจจะเจริญเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ จนมีความสูง
เกิน 2 เมตร เมื่อมีการตรวจสอบหรือการรองเรียนเกิดขึ้น อาจเปนผลใหถูกลงโทษฐานปฏิบัติงานบกพรองได
2) จํานวนลูกไมมีคาที่มีขนาดความสูงเกิน 2 เมตร ที่ขึ้นอยูตามธรรมชาตินั้น อาจมีลักษณะ
แคระแกร็นหรืออาจจะถูกบุกรุกแผวถางทําลาย และหากมีการปลูกสรางสวนปาขึ้นจะทําใหเกิดพื้นที่ปาที่มี
คาทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีประโยชนมากกวาเดิมและการกําหนดจํานวนลูกไมไว จะทําใหเกิดปญหาในการตรวจสอบ
สภาพปา
102 รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข
นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”