Page 122 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง เพื่อปรับปรุงแก้ไขนโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านที่ดินและป่า
P. 122
สํานักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
National Human Rights Commission of Thailand
เสนอคณะกรรมการสิ่งแวดลอมแหงชาติพิจารณาในการประชุม ครั้งที่ 2/2530 เมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2530
ซึ่งที่ประชุมมีมติ ดังนี้
1. การกําหนดพื้นที่ปาตนนํ้าลําธารตามหลักเกณฑขอ (5) ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
2 กันยายน พ.ศ. 2529 ใหหมายความรวมถึงพื้นที่ลุมนํ้าชั้นที่ 1 A ชั้นที่ 1 B และชั้นที่ 2
2. ในการกําหนดใหพื้นที่ใดเปนปาเสื่อมโทรม ตามพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507
ซึ่งแกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528 นั้น ไมมีผลผูกพันในการที่จะใหราษฎร
เขาไปทําประโยชนตลอดไป สําหรับราษฎรซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กําหนดไวในระเบียบของกรมปาไมวาดวยหลักเกณฑ
เงื่อนไขในการอนุญาตใหทําประโยชนและที่อยูอาศัยภายในเขตปรับปรุงปาสงวนแหงชาติ พ.ศ….ตามมาตรา 16 ทวิ
และมาตรา 16 ตรี แหงพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติฯ ดังกลาว ก็สามารถเขาทําประโยชนไดตามระยะเวลา
ที่กําหนดไวในหนังสืออนุญาตใหทําประโยชนและอยูอาศัยในเขตปรับปรุงปาสงวนแหงชาติทายระเบียบนี้
วันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2530 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการสิ่งแวดลอมแหงชาติ เรื่อง
หลักเกณฑและเงื่อนไขในการกําหนดสภาพปาเสื่อมโทรม ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร เทคโนโลยีและสิ่งแวดลอม
โดยใหพื้นที่ปาตนนํ้าลําธารตามหลักเกณฑ ขอ (5) ของมติคณะรัฐมนตรี 2 กันยายน พ.ศ. 2529 (มิใหกําหนด
เปนปาเสื่อมโทรมแมจะมีตนไมอยูนอย) ใหรวมถึงพื้นที่ลุมนํ้าชั้นที่ 1 A, 1 B และชั้นที่ 2 สวนการกําหนดใหพื้นที่
ใดเปนปาเสื่อมโทรมตามพระราชบัญญัติปาสงวน ฯ พ.ศ. 2507 แกไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ
(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528 ไมมีผลผูกพันใหราษฎรเขาทําประโยชนตลอดไป แตเขาทําประโยชนตามเวลาที่กําหนด
ในหนังสืออนุญาตใหทําประโยชนและอยูอาศัยในเขตปาสงวนแหงชาติ
วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2532 ประธานคณะกรรมการนโยบายปาไมแหงชาติ มีหนังสือ ดวนมาก
ที่ กษ 0709(4)/12741 ลงวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2532 เสนอใหคณะรัฐมนตรีพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรี
เรื่อง หลักเกณฑและเงื่อนไขในการกําหนดสภาพปาเสื่อมโทรม โดยแจงวา เดิมคณะรัฐมนตรีไดมีมติ
เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2529 และวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2530 อนุมัติหลักเกณฑและเงื่อนไขในการกําหนด
สภาพปาเสื่อมโทรมตามความในมาตรา 16 ทวิ แหงพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507 ซึ่งแกไขเพิ่มเติม
โดยพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2528 ดังนี้
1. เปนปาที่มีไมมีคาที่มีลักษณะสมบูรณเหลืออยูเปนสวนนอยและปานั้นยากที่จะกลับฟนคืนดีได
ตามธรรมชาติ โดยมีลูกไมขนาดความสูงเกิน 2 เมตรขึ้นไป ขึ้นกระจายอยูทั่ว พื้นที่ไมเกินไรละ 20 ตน หรือ
มีไมขนาดความโตวัดโดยรอบลําตนตรงที่สูง 130 เซนติเมตร ตั้งแต 50 - 100 เซนติเมตร ขึ้นกระจาย
อยูทั่วพื้นที่ไมเกินไรละ 8 ตน หรือมีไมขนาดความโตเกิน 100 เซนติเมตรขึ้นไป ขึ้นกระจายอยูทั่วพื้นที่ไมเกิน
ไรละ 2 ตน หรือพื้นที่ปาไมที่มีเขาหลักเกณฑทั้ง 3 ลักษณะดังกลาว เมื่อรวมกันแลวตองมีจํานวนไมเกินไรละ
16 ตน
รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง “เพื่อปรับปรุงแกไข 101
นโยบายกฎหมายที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนดานที่ดินและปาไม”