Page 70 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผู้ติดเชื้อเอชไอวี
P. 70
รายงานการศึกษาวิจัย 43
การเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี
โดยมีเหตุผลสําคัญวาเปนเพราะไมมีความเชื่อมั่น หรือเชื่อมั่นนอยวากระบวนการรองเรียนจะทําใหเกิดการแกไข
ปญหา และอีกสวนหนึ่งมองวา กระบวนการรองเรียนมีขั้นตอนยุงยากและลาชามากเกินไปในดานหนึ่ง งานวิจัย
ฉบับนี้อาจจะแสดงใหเห็นแนวโนมที่ดีขึ้นของสภาวะการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี
แตในอีกดานหนึ่ง ขอมูลดังกลาวก็ยังยืนยันวาสถานการณการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี
ยังดํารงอยูในสังคมไทย
3.1.2 สภาพปญหาการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวีรายกรณี
สําหรับการเลือกปฏิบัติในการประกอบอาชีพของผูติดเชื้อเอชไอวี ขอมูลไดมาจากการทบทวน
เอกสารชั้นตน รวมทั้งหนังสือรองเรียน หนังสือชี้แจงจากหนวยราชการและรายงานผลการดําเนินงานของ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ โดยมีกรณีที่สําคัญ 3 กรณี ดังนี้
1) การเลือกปฏิบัติในฝายขาราชการตุลาการ ปรากฏในระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาล
ยุติธรรม วาดวยโรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการตุลาการ พ.ศ. 2545 เปนระเบียบที่ออกตาม
ระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม วาดวยหลักเกณฑและวิธีการตรวจสอบคุณสมบัติของผูสมัครสอบ
คัดเลือก ผูสมัครทดสอบความรู หรือผูสมัครเขารับการคัดเลือกพิเศษ เพื่อบรรจุเปนขาราชการตุลาการในตําแหนง
ผูชวยผูพิพากษา พ.ศ. 2545 ระเบียบทั้งสองฉบับ ประกาศใช ณ วันที่ 10 มกราคม 2545 กําหนดเงื่อนไขเรื่อง
โรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการตุลาการ แมมิไดกําหนดเรื่องโรคเอดสไวโดยแจงชัด แตตามระเบียบ
ขอ 3 (6) ไดกําหนดเรื่องโรคติดตอที่เปนเหตุใหไมเหมาะสมที่จะเปนขาราชการตุลาการซึ่งอาจมีการใชดุลพินิจหรือ
การปฏิบัติอันเปนการรังเกียจ หรือเลือกปฏิบัติเนื่องจากเอดสได
ในกรณีนี้ ศูนยคุมครองสิทธิดานเอดส เคยทําหนังสือถึงประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ
เพื่อขอใหตรวจสอบและดําเนินการยกเลิกระเบียบปฏิบัติดังกลาว โดยอางถึงการรองทุกขเกี่ยวกับหนวยงานของรัฐ
ที่มีระเบียบปฏิบัติที่มีลักษณะเลือกปฏิบัติ และละเมิดสิทธิมนุษยชนของผูติดเชื้อเอชไอวี/เอดส โดยมีการบังคับ
ตรวจเอดสผูสมัครเขารับราชการในตําแหนงอัยการผูชวยและผูชวยผูพิพากษา หากพบวา ผูสมัครสอบรายใดติด
90
เชื้อเอชไอวีจะไมไดรับสิทธิใหเขาสอบเพื่อดํารงตําแหนงดังกลาว ซึ่งนาสนใจวา ในกรณีของอัยการผูชวย
สํานักงานอัยการสูงสุดไดทําหนังสือถึงประธานคณะกรรมการมูลนิธิศูนยคุมครองสิทธิดานเอดสวา ตามกฎกระทรวง
ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2504) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบขาราชการฝายอัยการ พ.ศ. 2503 วาดวยโรค
และประกาศคณะกรรมการอัยการ เรื่อง กําหนดโรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการอัยการ พ.ศ. 2555
แมจะมีขอกําหนดถึง “โรคติดตอที่เปนเหตุใหไมเหมาะสมที่จะเปนขาราชการอัยการ” แตก็มิไดมีขอกําหนดใหผูที่มี
เชื้อเอชไอวี เปนหรือถือวาเปนโรคอันมีลักษณะตองหามที่จะเปนขาราชการอัยการ สํานักงานอัยการสูงสุดจึงไมเคย
91
มีนโยบายตรวจหาเชื้อเอชไอวีในผูสมัครสอบอัยการผูชวย ในขณะที่กรณีผูชวยผูพิพากษายังไมมีความคืบหนา
อยางชัดเจน อยางไรก็ดี ในกรณีของผูชวยผูพิพากษานี้ อาจพิจารณาเทียบเคียงจากบรรทัดฐานของกรณีตัวอยาง
ที่มีลักษณะใกลเคียงกันไดกลาวคือ เปนกรณีที่สํานักงานผูตรวจการแผนดินเคยเสนอใหศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา
วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 245 (1) วา พระราชบัญญัติระเบียบขาราชการฝายตุลาการศาลยุติธรรม
90 หนังสือ ศคส. 047/2550 วันที่ 23 กรกฏาคม 2550
91 หนังสือ อส 0003 (คก2)/3287 วันที่ 12 ตุลาคม 2555