Page 30 - รายงานการศึกษาวิจัย เรื่อง ปัญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุ้มครองสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว
P. 30

รายงานการศึกษาวิจัย  15
                                        เรื่อง ปญหาและมาตรการทางกฎหมายในการรับรองและคุมครองสิทธิในความเปนอยูสวนตัว





               1.5 การแทรกแซงสิทธิในความเปนสวนตัวโดยชอบดวยกฎหมาย
                        แมวาสิทธิในความเปนอยูสวนตัวถือเปนสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีที่มาจากแนวความคิด
               เรื่องสิทธิตามธรรมชาติที่มีความเชื่อวาเหนืออํานาจสูงสุดของมนุษย คือ ธรรมชาติ และมนุษยถือกําเนิดขึ้นมา

               พรอมกับสิทธิในชีวิต สิทธิในทรัพยสิน เสรีภาพในรางกายและความเสมอภาคกันสิทธิ และเสรีภาพเหลานี้

               เปนสิ่งที่ติดตัวมนุษยมาตั้งแตเกิด ผูใชอํานาจปกครองไมมีอํานาจที่จะลบลางและมิอาจจะกาวลวงได ดังนั้น
               บุคคลทุกคนยอมมีสิทธิและเสรีภาพในความเปนอยูสวนตัว และสามารถกระทําการใด ๆ ก็ไดตราบเทาที่ไมกระทบ
               สิทธิของบุคคลอื่นและไมผิดกฎหมาย แตในบางกรณี รัฐจําเปนอาจตองเขาแทรกแซงสิทธิในความเปนอยูสวนตัว

               ของบุคคลได โดยอาศัยเหตุผลเพื่อรักษาความสงบเรียบรอยของสวนรวม หรือเพื่อประโยชนสาธารณะ

               ซึ่งรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 29 วรรคหนึ่ง บัญญัติวา “การจํากัดสิทธิ
               และเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไวจะกระทํามิได เวนแตโดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแหงกฎหมาย
               เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กําหนดไวและเทาที่จําเปน...”

                        โดยวัตถุประสงคหรือเหตุผลในการแทรกแซงสิทธิความเปนสวนตัวของรัฐนั้น มีความมุงหมายที่สําคัญ

               สรุปได 3 ประการ ไดแก
                        1.5.1   เพื่อคุมครองสิทธิของบุคคลอื่น
                              เนื่องจากตามแนวความคิดของกฎหมายธรรมชาติถือวามนุษยทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพอยาง

               เทาเทียมกัน สิทธิ เสรีภาพของบุคคลหนึ่งยอมมีขอจํากัดอยูที่สิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น ๆ โดยหลัก

               ทั่วไปแลวผลประโยชนของปจเจกบุคคลซึ่งมิไดมีความมุงหมายเพื่อกอใหเกิดความเสียหายแกบุคคลที่สาม และ
               ผลประโยชนดังกลาวเปนผลประโยชนที่เปนสาระสําคัญในทางสวนบุคคล ดังนั้น การละเมิดผลประโยชนของ
               บุคคลอื่นก็ดีการทําใหเกิดความเสียหายแกบุคคลอื่นก็ดี หรือการทําใหเกิดความเสียเปรียบแกบุคคลที่สามก็ดี

               กรณีดังกลาวจึงเปนการละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น ดังนั้น เมื่อมีรัฐเกิดขึ้น “สิทธิบุคคลอื่น” จึงไดรับการรับรอง

               โดยกฎเกณฑของรัฐ และถือเปนขอจํากัดของสิทธิและเสรีภาพของบุคคลประการหนึ่ง
                        1.5.2   เพื่อการดํารงอยูและเพื่อความสามารถในการทําภาระหนาที่ของรัฐ
                              ตามพื้นฐานของทฤษฎีสัญญาประชาคมนั้น ความมั่นคงของรัฐเปนผลมาจากการที่รัฐเขามา

               ทําหนาที่ใหความคุมครองแกสิทธิของปจเจกบุคคล ดังนั้น ความมั่นคงในการดํารงอยูของรัฐและความ

               สามารถในการทําภาระหนาที่ของรัฐจึงเปนเหตุผลอันชอบธรรมสําหรับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพตาม
               ธรรมชาติของบุคคลได
                        1.5.3   เพื่อประโยชนสาธารณะ

                              ประโยชนสาธารณะ ถือวาเปนเหตุผลที่สําคัญประการหนึ่งในการจํากัดสิทธิและเสรีภาพ

               โดยลักษณะของ “ประโยชนสาธารณะ” ในกฎหมายมหาชนมีลักษณะ ดังนี้
                              1)   ประโยชนสาธารณะ คือ การตอบสนองความตองการของคนสวนใหญที่ไมใชผูดําเนินการ
               นั้น ๆ เอง

                              2)   ผูที่จะบอกวาอะไรคือประโยชนสาธารณะ โดยหลักก็คือรัฐสภา ซึ่งเปนผูแทนของปวงชน

               และศาล
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35